Update ภูทับเบิก เขาค้อ Low Season ฉบับพักผ่อน กับ ที่พักราคาไม่แพง วิวหลักล้าน by Gpx Drone 150
ทริปนี้ กับขาประจำ ภูทับเบิก และ เขาค้อ ที่เรียกได้ว่าเราไปกันทุกปี เผลอๆจะปีละหลายครั้ง
แต่ละครั้งเหมือนจะเหมือนกัน แต่เอาจริงๆก็มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปทุกครั้ง
เราจะพาไปอัพเดทที่พักราคาดี วิวปังๆที่น่าสนใจ
แต่ในหน้า Low Season จะไม่มีหมอกปังๆ
ก็ถือซะว่าพาไปพักผ่อนก็แล้วกัน
เราจะพาเพื่อนๆมาอัพเดทกับสถานที่ที่คุ้นเคย แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปทุกปี และเป็นที่ๆเรียกได้ว่าทั้งเราและหลายๆคนก็มาซ้ำกันทุกปีเช่นกัน ใช่ครับ เรากำลังอยู่ที่ภูทับเบิก และเขาค้อ มาดูกันว่าในรอบนี้เราจะพาไปพักกันที่ไหน กับจุดชมวิวสวยๆ สไตล์โมโตโมเมนต์เช่นเคย ถึงแม้จะเป็นช่วงที่เรียกได้ว่าเป็นโลว์ซีซัน แต่สำหรับคนที่เที่ยวเป็นประจำแล้ว ก็ต้องบอกว่าที่นี่ เที่ยวได้ทุกฤดูจริงๆ ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปกันเลยคร้าบ
ด้วยระยะทางที่ถือว่าไม่ได้ไกลมากสำหรับเรา เวลาประมาณเกือบๆบ่ายโมง ผมก็มาถึงทางแยกบางปะอิน และตัดเข้าถนนพฤหลโยธิน วิ่งเลาะซ้ายทางคู่ขนานไปเรื่อยๆ เลี้ยวซ้ายเข้าเลี่ยงเมืองสระบุรีและเลี้ยวขวาที่แยกพุแค ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 และไปสิ้นสุดที่จังหวัดเลย แต่ทริปนี้เราไปไม่ถึงเลยหรอกครับ เพราะเราจะไปกันแค่ภูทับเบิกกับเขาค้อเท่านั้นเอง จากแยกพุแค เช็คอินผ่านช่องเขาขาด ผ่านอำเภอพัฒนานิคมมาจนถึงเขาขวาง ซึ่งสำหรับการเดินทางบนถนนเส้นนี้ก็ถือเป็นวิวภูเขาที่ดูว้าวเป็นวิวแรกๆก็ว่าได้ ไต่ขึ้นเนินเขาขวาง
ผ่านชัยบาดาลมานิดหน่อย ผมก็แวะเช็คอินแรกที่ทางเข้าวัดถ้ำเขาปรางค์ ที่เป็นจุดเช็คอินและถ่ายภาพ ที่เราจะได้วิวเพอร์สเปคทีพ ของถนนเส้นยาวที่มุ่งเข้าสู่วัดถ้ำเขาปรางค์ที่มีแบคกราวด์เป็นภูเขาสูงทรงแหลมแปลกตา และช่วงที่ผมมาก็เป็นช่วงที่เริ่มเผาอ้อยเผาป่ากันแล้วเราจึงได้เห็นควันไฟลอยขึ้นตามภูเขาและที่ราบระหว่างทางมาตลอด
ออกจากเมือง ก็แวะหาอะไรกินให้มีอะไรรองท้องสักหน่อย (เผื่อขึ้นไปแล้วร้านปิดหมด) จากนั้นก็แวะเติมน้ำมันที่ ปตท.พ่อขุนผาเมือง ให้เต็มถัง จากนั้นก็หวดยาวๆขึ้นภูทับเบิกกันตอนมืดๆนี่แหละ แต่ก็นะ ใครไม่ชินทางนี่ไม่ค่อยอยากแนะนำ เพราะมันมืดเอาเรื่องเลยจ้า ทริปนี้ เป็นการมาแบบบุกชนหน้างาน จริงๆก็อยากจะจองแหละ ที่แรกที่เล็งไว้ โทรไปเขาบอกเต็ม (ห๊ะ) เลยลองโทรจะจองที่นี่….ไร่กมลเทพ แต่ไม่ว่าจะเบอร์ไหนที่หาได้ก็โทรไม่ติด ก็เลยตัดสินใจไปตุยเอาดาบหน้า ถถถ ทับเบิกมีที่พักเป็นร้อยแหละน่า
โอเค มีคนเฝ้า ห้องว่างปะเลอะ ได้บ้านหลังนี้ในราคาคืนละ 1000 บาทถ้วนๆ แต่ไม่มีอาหารเช้า มีแต่มาม่าคัพกับน้ำสองคน โอเค๊ ไม่มายด์ๆ ได้อยู่นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ่ายเต็มๆหลังให้ดูจ้า
ก่อนเข้าที่พัก เหลือไปเห็นร้านนี้ เช็คอินแล้วเลยลองขี่มาดู ดึกจัด เหลือแต่ข้าวไข่เจียว ก็ได้จ้า กินตุนไว้เพราะพรุ่งนี้กะว่าเช็คเอาท์เที่ยงแล้วค่อยไปหาอะไรกินเลย
ไม่ใช่ทุกที่ ที่ผมจะอยากกลับไปอยู่บ่อยๆ และภูทับเบิกก็เป็นหนึ่งในสถานที่ ที่อยู่ในวงจรในชีวิตของผมไปเสียแล้ว เรียกได้ว่ามาจนไม่ได้นับว่ากี่ครั้งแล้ว นับตั้งแต่ยังเป็นภูสูงที่ยังมีแต่ไร่กระหล่ำปลี และเมื่อเวลาผ่านไป เพื่อนเก่าของผมคนนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามความนิยม เริ่มจอแจ แออัด จากไร่กระหล่ำปลี กลายเป็นดงกระหล่ำปูน แต่ถ้าที่ไหนดูจะสุ่มเสี่ยงบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนหรืออุทยานแห่งชาติ ผมก็เลี่ยงที่จะไม่สนับสนุน เพราะไม่ว่าจะไล่รื้อไปกี่ที สักพักก็กลับมาเป็นแถวเป็นแนวเหมือนเดิม จนเหมือนที่นี่จะกลายเป็นสถานตากอากาศสำหรับคนในเมืองไปเสียแล้ว เช้านี้อากาศหนาวพอประมาณ แต่ที่น่าเสียดายคือเรามาที่นี่ในฤดูที่เปลี่ยนจากทะเลหมอกเป็นทะเลฝุ่นที่ปกคลุมห้วงอากาศเบื้องล่างจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรบนพื้นราบ แต่ข้อดีก็คือทำให้หาที่พักในวันธรรมดาได้ไม่ยาก และได้ในราคาโลว์ซีซั่น คือถ้าจะมาเอาแค่ได้ขี่รถเล่น มานอนพักผ่อนบนภูเขาในอากาศเย็นสบายถึงหนาวแบบพอให้ได้หนาว ก็เป็นอีกที่ๆมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
มาดูหน้าตาที่พักที่เราพักเมื่อคืนกันหน่อย ตามนี้เลยจ้า บนทับเบิกส่วนใหญ่ไม่มีแอร์นะครับ เพราะกลางคืนต่อให้หน้าร้อนก็ยังเย็นสบายแน่นอน แค่พัดลมก็เหลือๆแล้ว
ขึ้นชื่อว่าเป็นทริปพักผ่อน ผมก็ลากยาวเช็คเอาท์กันจนสุดนั่นแหละ ออกจากที่พักช่วงเที่ยง ขี่รถสำรวจหาที่พักที่เล็งไว้ว่าอาจจะมาคราวหน้า ทั้งอาจจะมาเอง หรืออาจจะพาครอบครัวมา ก็ได้ที่พักที่มีวิวตรงใจมาสองที่ ที่แรกก็ตามภาพนี้เลย วิวสูงโปร่งโล่ง จอดรถได้ข้างๆที่พักกันเลย อีกที่ก็ได้วิวคล้ายๆกัน นอกนั้นที่ไปสำรวจแต่ไม่ได้ถ่ายมา ก็คือไม่ตรงใจที่อยากได้นั่นแหละ
ก่อนลง ผมขึ้นไปสำรวจบนยอดภูทับเบิก กะว่าจะไปหากาแฟกินร้านที่เล็งไว้สักหน่อย แต่ก็เป็นธรรมดาของวันธรรมดาในช่วงโลว์ซีซั่น ที่ร้านค้าและที่พักส่วนใหญ่จะปิด เพราะไม่คุ้มลงทุน ลงของ และจ้างคนมาขายหรือทำความสะอาด บรรยากาศก็เลยสงบ ก็ถือว่าดีไปอีกแบบสำหรับคนที่ใช้ชีวิตเหมือนเป็นอินโทรเวิร์ดแบบผม เพราะถ้าให้ขึ้นมาในช่วงวันหยุดหน้าไฮบอกตรงๆว่าก็ทำใจเจอคนมหาศาล และรถติดๆบนนี้ไม่ไหวเหมือนกัน
ลงจากทับเบิก ผมก็เลาะไหลตามทางไปเรื่อยๆ ถ้าพูดภาษาผมก็ต้องบอกว่า ขี่รถเล่นโค้งไปตามอัธยาศัย เพราะทางโค้งแถวทับเบิกและเขาค้อ ถือว่าเป็นซอฟต์เพาเวอร์ของจังหวัดเพชรบูรณ์เลยก็ว่าได้ แวะไปหามิตรสหายเพื่อถามหาที่พักที่ตรงใจ เลยได้ลองมาที่นี่ ก.ไก่แคมปิ้ง ได้บ้านพักเดี่ยวๆมาหนึ่งหลังในราคา 1000 บาทถ้วนๆ สมกับเป็นหน้าโลว์เช่นเคย ไปครับ พาไปดูกันครับ
ตกเย็น…ขี่รถขึ้นมาอีกหน่อย ก็มาถึงบ้านเขาคาเฟ่ จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกลับๆแห่งใหม่ที่แทบจะรู้กันแต่คนเขาค้อ ถึงวันนี้ส่วนของคาเฟ่จะปิด แต่ก็เข้าไปนั่งชมวิวเล่นได้ บอกเลยว่าคุ้มค่าสมคำร่ำลือจริงๆ
จากจุดชมวิว ก็ได้เวลาของขาประจำอาหารญี่ปุ่นอย่างผมเสียที กับบรรยากาศในร้านของคนกันเอง ทั้งอิ่มท้องและอุ่นใจไปพร้อมๆกัน แถมทั้งรสชาติและปริมาณ ถ้าเทียบกับทำเล ฟันธงให้เลยว่าทอนกระจาย
ขึ้นชื่อว่าโลว์ซีซั่น แม้แต่จุดที่มีโอกาสที่จะเกิดทะเลหมอกมากที่สุดอย่างจุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อ ก็ยังมีวันที่ไร้หมอกมาลอยรอให้ชมได้เหมือนกัน แต่ถึงจะไม่มีหมอก บรรยากาศรอบๆก็ยังถือว่าคุ้มค่าแก่การมาพักผ่อน โดยเฉพาะในราคานี้ ทอนมาเต็มกระเป๋าเลยทีเดียวครับ
ก่อนกลับก็ได้ไปตามหาตามลายแทงในช่วงฤดูนี้กับดอกกัลปพฤกษ์ที่แตกช่อรับฤดูร้อน ที่มองดีๆบางคนก็บอกว่าเป็นดอกซากุระเมืองไทย ก็แล้วแต่จินตนาการของแต่ละคนกันไป แต่ก็นับเป็นอีกหนึ่งของดีของเขาค้อที่เข้าถึงได้ไม่ยาก และเหมาะกับสไตล์ภาพที่เราชอบจริงๆ และทริปนี้เราขอปิดกันด้วยภาพจากมุมนี้ แล้วพบกันใหม่ในทริปต่อไป สวัสดีครับ
BY : แอดหมี OHM