Full Review Solar Groove Cross Camp 125 ฉบับเดินทางไกลลุยดอยสอยมาลัย

แชร์บน

Full Review Solar Groove Cross Camp 125 ฉบับเดินทางไกลลุยดอยสอยมาลัย

อีกหนึ่งรีวิวที่เรายังคงยืนยันนโยบายเดิมเสนอมา คือการทดสอบรถคันหนึ่ง ไม่ใช่แค่การลองขี่วนๆในลานจอด
จริงอยู่ว่าการขี่รถเพื่อหาฟีลลิ่งมาบอกกล่าวนั้น อาจขี่แค่สั้นๆไม่กี่กิโลเมตรหรือไม่กี่สิบกิโลเมตร ก็อาจจะได้ข้อมูลมาในระดับหนึ่ง
แต่ข้อมูลอื่นๆจากการใช้งานจริงเท่าที่พอจะมีเวลาทำได้นั้น เราจะไม่มีโอกาสทราบเลย หากไม่ได้เอาไปเดินทางจริง
และนี่คืออีกหนึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการทดสอบด้วยการเดินทางเพื่อใช้งานเจ้า Solar Groove Cross Camp 125
เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์การออกแบบ มันถูกสร้างมาเป็นรถแคมป์ ก็ต้องเอาไปแคมป์สิ หรือไม่จริง…

ชิ้นแรก ขอเรียกแบบภาษาไทยว่าการ์ดไฟหน้า ประโยชน์ถ้ามันได้ใช้ คือเวลาขี่ลุยป่าลุยดง ก็ป้องกันเวลาต้องลุยกิ่งไม้ ไม่ให้กิ่งไม้ฟาดเลนส์โคมไฟหน้าเสียหาย หรือ ป้องกันไม่ให้เลนส์โคมไฟหน้าเสียหายจากการกระแทกสิ่งอื่น และอีกประโยชน์ทางอ้อม ก็น่าจะเป็นเรื่องของความสวยงาม ในเรื่องของวัสดุและเนื้องานถือว่าสอบผ่านแบบสวยๆ

ในส่วนของการใช้งาน ถ้าได้ใช้ตามวัตถุประสงค์ข้างต้นก็ถือว่าโอเค แต่ในเวลากลางคืนไม่ค่อยโอเคในเรื่องที่ด้านในของการ์ดมันสะท้อนกับลำแสงของไฟหน้าย้อนมาแยงตาได้นิดหน่อย และดรอปความสว่างและรัศมีของลำแสงจากไฟหน้าไปบ้าง ถ้าให้เทียบจากความรู้สึกก็ประมาณ20% ซึ่งไม่น้อยเลยสำหรับไฟหน้าแบบ LED ชิ้นแรก ขอเรียกแบบภาษาไทยว่าการ์ดไฟหน้า ประโยชน์ถ้ามันได้ใช้ คือเวลาขี่ลุยป่าลุยดง ก็ป้องกันเวลาต้องลุยกิ่งไม้ ไม่ให้กิ่งไม้ฟาดเลนส์โคมไฟหน้าเสียหาย หรือ ป้องกันไม่ให้เลนส์โคมไฟหน้าเสียหายจากการกระแทกสิ่งอื่น และอีกประโยชน์ทางอ้อม ก็น่าจะเป็นเรื่องของความสวยงาม ในเรื่องของวัสดุและเนื้องานถือว่าสอบผ่านแบบสวยๆ

ในส่วนของการใช้งาน ถ้าได้ใช้ตามวัตถุประสงค์ข้างต้นก็ถือว่าโอเค แต่ในเวลากลางคืนไม่ค่อยโอเคในเรื่องที่ด้านในของการ์ดมันสะท้อนกับลำแสงของไฟหน้าย้อนมาแยงตาได้นิดหน่อย และดรอปความสว่างและรัศมีของลำแสงจากไฟหน้าไปบ้าง ถ้าให้เทียบจากความรู้สึกก็ประมาณ20% ซึ่งไม่น้อยเลยสำหรับไฟหน้าแบบ LED

ชิ้นต่อมา เรียกแบบไทยๆก็คือ แรคหน้า ประโยชน์ก็คล้ายๆตะกร้าคือเอาไว้วางสัมภาระ และด้วยความที่มันไม่ใช้ตะกร้า การวางสัมภาระจึงไม่ถูกจำกัดเรื่องความกว้าง แต่ก็ควรให้สัมภาระที่จะวางนั้นบรรจุในภาชนะหรือหีบห่อให้ดี

เนื้องานให้ผ่านแบบสวยๆเช่นกัน ลองวางของมัดดูแล้วใช้งานได้ดี แต่ไม่แนะนำให้วางของหนักกว่า 3 กิโลกรัมโดยประมาณ เพราะมันจะขี่ยากขึ้นจากการเพิ่มจุดศูนย์ถ่วงของน้ำหนักเกินกว่าความจำเป็น

ชิ้นต่อมาคือกันแคร้งค์ ช่วยปกป้องแคร้งล่างของเครื่องจากการกระแทก และเพิ่มความสวยงามไม่ให้ดูโล่งๆไปได้พอสมควร ชิ้นงานและวัสดุสวยงามและทนทาน

ชิ้นที่สี่ คือบังโซ่ จากเดิมที่เป็นบังโซ่แบบครอบมิด มาเป็นแบบซิ่งให้อารมร์วัยรุ่นขึ้นมาหน่อย ดีคือเบาลง แต่การป้องกันก็จะลดลงตามลำดับ เนื้องานและวัสดุดี ลากไกลๆ ไปลุยๆไม่มีโยกเยก

ชิ้นสุดท้ายคือแรคข้างที่ต่อเติมเพิ่มมาจากแรคท้ายเดิม เสริมแรคเหล็กเข้าไปอีกสองข้างเพื่อให้บรรทุกของเพิ่มได้ ใช้งานได้จริง แข็งแรง งานดีมาก

และถ้าไม่ได้จะขนของออกทริป ก็ยกเบาะซ้อนมาใส่ได้นะ

เครื่องยนต์สูบเดียว สี่จังหวะ สองวาวล์ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ความจุ 123.7cc กระบอกสูบxระยะชัก ที่ 54mm x 54mm อัตราส่วนกำลังอัด 8.4:1 ให้พละกำลัง 8 แรงม้าที่ 8,000รอบต่อนาที แรงบิดที่ 8.8 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที วิ่งใกล้ – ไกล – ลุย ไม่ขี้เหร่ แบกของออกทริปวิ่งได้ประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่เดินทางเป็นวันที่ลมหนาวพัดลงมาวันแรกของความหนาวระลอกที่สอง วิ่งชนลมแรงจัดตลอดทาง ที่ความเร็วหมดปลอกยืนได้ยาวไม่มีวอด ความสั่นสะเทือนเป็นไปตามปกติของเครื่องยนต์ตระกูลนี้

อ่อ มีสตาร์ทเท้ามาด้วยนะ

จุดสังเกตของเครื่องตัวนี้ คือยังเลือกใช้การจ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ โดยผู้ผลิตและจำหน่ายให้เหตุผลว่าดูแลและซ่อมง่ายกว่าระบบหัวฉีด ซึ่งก็จริงในมุมของกลุ่มเป้าหมาย และที่ชัดเจนก็คือมีอัตราสิ้นเปลืองที่มากกว่าเครื่องยนต์ที่จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดในพิกัดใกล้เคียงกัน

ในความเร็วเดินทาง ตีไปกลมๆกิโลเมตรละบาท แต่ถ้าขี่ในเมืองแบบชิลๆก็ประหยัดใช้ได้อยู่แถว 45-50 กิโลเมตรต่อลิตร

และด้วยความที่มันเป็นครอสโอเวอร์ไบค์ มันจึงมาพร้อมกับช่วงล่างที่ให้โช้คอัพที่มีความยาวมากกว่าปกติทั้งหน้าและหลัง ส่งผลให้มีความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถมากกว่าใครๆในประเภทและพิกัดใกล้เคียงกัน ที่ 177mm

ล้อซี่ลวดทั้งหน้าและหลัง ขนาด 17 นิ้ว ให้ยางสายลุยเป็น IRC TRILS GP-1 ใช้ดีทั้งทางดำและทางแดง ขนาด 2.75 เท่ากันทั้งหน้าและหลัง

โช้คอัพหน้าตะเกียบคู่เทเลสโคปิกให้ฟีลลิ่งที่กระชับกำลังดี โช้คหลังสปริงคู่ปรับพรีโหลดได้ อันนี้ขอคอมเมนต์ว่าเด้งไปหน่อย คือพรีโหลดใช้ได้ แต่ยุบและยืดไวไปนิด โดยรวมแล้วช่วงล่างถือว่าค่อยข้างโดดเด่นและใช้งานได้ดีตรงสาย พร้อมลุย พร้อมแคมป์

มาตรวัดแสดงผลแบบอนาล็อก แสดงความเร็วและปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยมาตรวัดแบบเข็ม มีไฟแสดงสถานะเกียร์ว่าง ไฟสูง ไฟเลี้ยว มิเตอร์แสดงผลระยะทางที่ใช้งานเป็นกิโลเมตร/ร้อยเมตร และไม่มีทวินมิเตอร์ พูดง่ายๆคือไม่มีอะไรล้ำ แต่เรียบๆและเข้าใจง่าย

ประกับซ้ายขวาให้สวิทช์ต่างๆที่เรียบง่าย ตำแหน่งสวิทช์ต่างๆเข้าใจง่ายใช้งานไม่ยาก ที่ประกับขวามีสวิทช์เลือกเปืดไฟหรี่และไฟหน้าได้ด้วย และที่ด้านล่างประกับซ้าย มีสวิทช์คันโยกใช้ดึงโช้คสำหรับสตาร์ทตอนเช้าๆที่อากาศเย็นตามประสารถคาร์บู

ถังน้ำมันอยู่ใต้เบาะคนขี่ และไม่มีเบ้ากุญแจล็อคเบาะ แต่ใช้วิธีล็อคฝาถังแทน…คลาสสสิกแท้เหลา

มีล็อคห่วงหมวกกันน็อคให้ด้วยนะ แอบใส่ใจ ไม่ทิ้งลายรถแม่บ้านด้วยตะขอแขวนแกง

อีกจุดที่ชอบมากคือบังลมพลาสติกสีดำ เป็นพลาสติกฉีดสีดำ ออกไปทางดำด้าน แบบนี้ทนพร้อมลุย ทนแรงกระแทกไม่แตกหัก ลุยได้ไม่ต้องกลัวสีเป็นรอย เพราะมันไม่มีเนื้อสีเคลือบภายนอกผิวพลาสติก ฮ่าๆ

โดยรวมแล้วเป็นรถแม่บ้านบังลมที่เพิ่มเติมวัตถุประสงค์เพิ่มเข้าไปจากความอเนกประสงค์ ของที่ให้มาพร้อมใช้งานได้จริง อาจมีจุดที่ต้องปรับให้เข้ากับจริตบางแต่ดูแล้วก็แก้ไม่ยากและทำไม่แพง ความแรงพอลุยทางแดงดันดอยได้ตามเนื้องานที่ไปลุยมา ราคาน่าคบหา แถมยังเป็นผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทย ประกอบในไทย บริษัทไทยแท้

ทุกอย่างเน้นใช้งานได้ ซ่อมบำรุงง่าย เรียกได้ว่าไปมีปัญหาที่ไหนก็ซ่อมได้ตามร้านทั่วไปทุกที่ อะหลั่ยเทียบได้เพียบ ในมุมของกลุ่มเป้าหมายแล้วก็ต้องถือว่ายิงตรงกลุ่ม เหลืออย่างเดียวก็การพิสูจน์ตัวเองด้วยการสร้างแบรนด์ฺให้เติบโต ซึ่งก็ต้องอาศัยเวลาหลายปีและใช้บุคลากรที่พร้อมลุยไปกับแบรนด์

ไว้มีโอกาสจะจับคันนี้ไปลุยกันอีก ขอบคุณครับ  By : แอด OMEGAOHM