ขี่มอเตอร์ไซค์ ไปกางเต็นท์ ดอยสอยมาลัย ดอยสอยดาว
ทริปซนๆประจำปี กับการไปสำรวจเส้นทางดอยสอยมาลัย
ในช่วงที่ว่ากันว่ากำลังขึ้นง่าย เพราะเพิ่งเกรดทางหลังจากฤดูฝนเพิ่งผ่านไป
แบกของขึ้นไปกางเต็นท์ ก่อกองไฟ หุงหาอะไรกินตามประสา
กับอากาศที่หนาวเป็นระลอกที่สองของปี 2566
ในอุณหภูมิแค่สิบองศาต้นๆที่มาพร้อมกับลม
ทริปนี้เรากลับมาเดินทางขึ้นเหนือกันอีกครั้งนะครับ ปลายทางอยู่ที่ดอยสอยมาลัย ดอยสอยดาว จังหวัดตาก และเป็นการเดินทางเพื่อสำรวจเส้นทางขึ้นดอยสอยมาลัยประจำปี และเก็บข้อมูลการใช้งานมอเตอร์ไซค์ที่เรายืมมาใช้เดินทางในทริปนี้ กับ Solar Groove Cross Camp 125 บนเส้นทางที่ถือได้ว่าตรงกับจริตของรถประเภทนี้ วันนี้เป็นส่วนของการทดสอบเดินทางระยะไกลต่อเนื่องด้วยการฟรีรันจากกรุงเทพไปยังอำเภอบ้านตากจังหวัดตาก เราออกจากกรุงเทพช่วงสายๆมานัดเจอเพื่อนที่บางประหันตอนเกือบๆเที่ยง หลังจากนั้นก็แวะทานมื้อเที่ยงที่ร้านต้มเลือดหมูเฮียเล็ก เอาจริงๆร้านนี้ผ่านเรียกว่าบ่อยมาก แต่ไม่เคยได้แวะชิมสักที พอได้แวะชิมทีนี้ก็ต้องบอกว่าอย่างเด็ดครับท่านผู้ชม ทั้งปริมาณ รสชาติ และราคา รวมๆกันแล้วซ้ำได้บ่อยๆเลยครับ ยิ่งผมกับต้มเลือดหมูนี่เป็นอาหารที่เรียกได้ว่าอยู่ในเมนูโปรดกันอยู่แล้ว
ตัดภาพมาเช้าวันถัดมา ทริปนี้เราตั้งจุดรวมตี้กันที่อำเภอบ้านตาก ผมมานอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน บางคนมาก่อน บางคนตามมา แต่รวมๆแล้วเป็นทริปที่ส่วนผสมของปาร์ตี้ที่งงๆดีเหมือนกัน บางคนก็ไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย อะไรทำนองนั้น แต่บรรยากาศของที่พักริมน้ำเช้านี้ หลวมรวมพวกเราเข้าหากันได้แบบสบายๆ
เราออกจากบ้านตากกันประมาณเที่ยง แล้วก็มารับเพื่อนเข้าตี้อีกหนึ่งคนโดยบังเอิญ เออ ทริปนี้มันแบบว่าโลกมันกลมแหะ ตัดภาพมาหน้าดันเจี้ยนดอยสอยมาลัย ที่ว่ากันว่าสอยมอไซมือใหม่มานักต่อนัก หน้าตาสมาชิกในตี้ก็จะประมาณนี้
มาดูทางขึ้นกันครับ ช่วงตั้งแต่ปากทางไปจนถึงไร่กระหล่ำ เรียบสบายขึ้นเยอะ แต่ก็ยังมีหินลอยบางช่วง ทางก็ยังเป็นดินแดงแน่นๆที่พร้อมจะแปรสภาพเป็นดินหนังหมูเมื่อเจอฝนหรือความชื้อเยอะๆ
ช่วงไร่กระหล่ำไปต้นเนินรับแขก ชิวๆฮะ วันนั้นเป็นวันที่ลมหนาวระลอกสองของปีพัดลงมาพอดี กลายเป็นว่าอากาศดิ่งลงตั้งแต่ช่วงบ่าย เมฆลอยตามลมมาอย่างเร็วแล้วลอยมาชนยอดของเนินรับแขกที่เรากำลังจะขึ้นไป ตอนนั้นแดดเปรี้ยง แต่เห็นแล้วหนาวแว้บบบบ พร้อมแล้วก็ดันจ้าาาาา ต้นเนินรับแขกไม่มีอะไร ยังสบายๆ
ช่วงสุดท้ายของเนินรับแขกคือช่วงที่ชันที่สุด รถมาหมดแรงแล้วไถลลงจนกลิ้งกันเยอะก็ตรงนี้ แน่นอนว่ารถเล็กถ้าไม่ทำเครื่องมา มีเข็นแน่นอน ทำเครื่องมาก็ยังต้องเข็นเลยโยม
ไปรวมกันอีกที่ก็ตรงสามแยกจุดสกัด พร้อมแล้วก็ไปกันต่อ ก็ต้องบอกว่าทางเกลี่ยแล้วง่ายขึ้นเยอะ หลายจุด พวกหินลอยก้อนใหญ่ๆก็เคลียร์ไปไว้ข้างทางหมดแล้ว ขึ้นมาถึงสอยดาวกันประมาณบ่ายสี่โมง แล้วก็ชิวๆ ขี่รถเล่นเสร็จก็มาตั้งแคมป์ แล้วก็ไปขี่รถเล่นหาที่ถ่ายรูปเล่นวนๆไป
ถ้ามีโอกาส อยากให้มาเที่ยวที่นี่กันสักครั้ง เชื่อว่าหลายๆคนมาแล้วติดใจมาซ้ำแทบทุกปี ผมเลยคนแรก 555+
หลังจากที่พวกเราตั้งแคมป์กันที่สันเขาของดอยสอยดาวกันเสร็จแล้ว ก็ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ พร้อมกับซึมซับเอาบรรยากาศหนาวเย็นของยอดดอยสอยดาว ในช่วงเวลาที่ลมหนาวที่สองของปี2566พัดแพ่ลงมาจากทางเหนือพอดี เป็นอากาศที่เหมือนจะทำอะไรก็ไม่เหนื่อย แต่เอาเข้าจริงๆก็ทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักเพื่อสู้กับอากาศแบบนี้มากๆ คืนนี้เราจำเป็นต้องก่อกองไฟจากฟืนที่ไปเดินหามาได้จำนวนหนึ่ง เปลวไฟจากกองไฟ เป็นอะไรที่ดึงดูดให้ทุกคนมาหลอมรวมกัน เป็นจุดศูนย์กลางของแคมป์ทั้งในเวลาที่หุงหามื้อเย็น และพักผ่อนคลายด้วยการล้อมวงสนทนากัน จนฟืนท่อนสุดท้ายเริ่มมอดไหม้ ความหนาวในอุณหภูมิยอดดอยที่สิบองศาต้นๆ บวกกับลมและเมฆบางๆที่พัดมาปะทะร่างกายเราตลอดเวลา ก็ทำให้เราจำเป็นต้องแยกย้ายกันไปพึ่งพาไออุ่นจากถุงนอนในเต็นท์ใครเต็นท์มันในที่สุด
เช้าอีกวัน ตื่นขึ้นมาแบบหนาวกันจนปากสั่น ว่าจะตื่นมาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น ตั้งปลุกหลายรอบ พระอาทิตย์ก็ยังไม่สามารถส่องแสงทะลุเมฆลงมาตรงที่ๆเรากางเต็นท์ได้ อุณหภูมิเช้านั้นจนถึงช่วงสิบโมงอยู่ประมาณ12-13องศา เราโดนเมฆล้อมไว้ตลอดเวลาจนทัศนวิสัยเรียกได่ว่าปิด
จากสภาพอากาศ จากที่เราคิดว่าจะลงกันแต่เช้า กะว่าพอแดดออกแล้วผึ่งเต็นท์ให้แห้งแล้วจึงเก็บเต็นท์ลง แต่เอาเข้าจริงๆเกือบเก้าโมงเช้าอากาศก็ยังปิดอย่างที่เห็น ทำให้เราจำเป็นต้องเก็บเต็นท์ทั้งๆที่ยังเปียกชื้น เพราะเราไม่รู้เลยว่าถ้าไม่เก็บตอนนี้แล้วสภาพอากาศมันแย่กว่านี้ เราจะได้เก็บอีกทีเมื่อไร ก็เอาเป็นว่าทริปนี้ก็ขอปิดทริปกันไปด้วยสภาพอากาศที่หนาวเหน็บแบบนี้ ไว้พบกันใหม่ในทริปต่อไปของโมโตโมเมนต์ ทริปนี้ สวัสดีครับ
By : แอด OMEGAOHM