Triumph Tiger Sport 660 เสืออรรถประโยชน์
สวัสดีกันอีกรอบครับ หายหน้าหายตาไปนาน ด้วยภาระกิจชีวิตมโหฬารแต่จะพยายามนานๆ โผล่มาให้ได้ เพราะไม่อยากจากบ้าน pantip ไปไหน มาคราวนี้ผมมีภาระกิจที่ต้องไปทำงานที่ MotoGP บุรีรัมย์และมีโอกาสเลือกรถคันที่ตัวเองสนใจ ผมจิ้มไปที่ Triumph Tiger Sport 660 เพียงเพราะ ช่วงนี้เราก็มองหารถแนวนี้แหล่ะ แนว Sport Touring ทรงสูงๆนิดๆ ที่พอดีๆ ขี่ง่าย ขี่สนุก น้ำหนักเบา อรรถประโยชน์ ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน
เอ้า ลองมาดูกัน มันจะเป็นแบบที่คิดไหม ขออธิบายสั้นๆ กระชับๆ แบบน้ำไม่เยอะนะครับ!
สำหรับสายไม่อ่านเกิน 7 บรรทัด
Triumph Tiger Sport 660 เป็นรถที่มีขนาดไม่ใหญ่และน้ำหนักไม่มากจนเกินไป ใช้งานได้คล่องตัว เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ในขณะเดียวกันด้านสมรรถนะก็ไม่ขาดตกบกพร่องเลย ขี่สนุก ขี่มันส์ สมรรถนะช่วงล่างดีงาม โดยที่ด้านความสะดวกสบายก็ไม่ขาดตกบกพร่อง มันคือ “ส่วนผสมที่ลงตัว กลมกล่อมพอดีๆ ” อย่างแท้จริง รถคันนี้ ให้ 9 เต็ม 10 เลย
เจ้าเสือเป็นรถ Sport Touring ในมาด ADV หน่อยๆ ระยะยุบโชคอัพมากขึ้นหน่อย มาพร้อมน้ำหนัก 206 กิโลกรัม ซึ่งถือว่า “เบา” สำหรับรถในสไตล์นี้
ด้านหน้ามีแฟริ่งแบบ half มาพร้อมกับชิวบังลมด้านหน้า ปรับระดับได้ง่ายๆ ด้วยการดีงก้านสีดำขึ้น-ลง ตามความต้องการ
ในส่วนของแฮนด์นั้นมีการ์ดแฮนด์มาให้เลย หล่อๆ
ตัวเบาะชิ้นเดียว ย๊าว ยาว ดูจะยาวเกินไปสำหรับผู้ขับขี่ size คนเอเชีย และนั่นเป็นผลในการให้พื้นที่คนซ้อนน้อยไปด้วย ถังน้ำมันขนาด 17.2 ลิตร ให้ระยะการเดินทางประมาณ 350 กม ถือว่า พอเหมาะกับระยะการเติมน้ำมัน ในประเทศไทยเลยทีเดียว
บั้นท้ายและมือจับ จุดยึดกระเป๋าโรงงานแบบซ่อนรูป เนียนๆ
สวิงอาร์มดูสวยงามพร้อมท่อออกด้านใต้ที่ทำให้ศูนย์ถ่วงรถต่ำ
เอ้า เอารูปสวยๆ ใน Touring Edition ไปมายั่วกันหน่อย รุ่นนี้ถ้าแต่งเต็ม ติดกระเป๋า จะดูหล่อขึ้นเยอะเลย
ไฮไลท์ที่สุด ของรถคันนี้คงเป็นเครื่องยนต์ 3 สูบเรียง 660cc 80 แรงม้าที่ 10,250 รอบ แรงบิด 64 นิวตันเมตรที่รอบเพียง 6,250 รอบ/นาที เกียร์ 6 Speed ที่เข้าเกียร์ได้เนียนพอสมควร มาพร้อม Slipper Clutch และสามารถติด Quickshifer แบบ 2 ทางได้ ( Option เสริม )
80 แรงม้านั้นไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมาย แต่แรงบิดที่มา 90% ตั้งแต่ 3,600 -9,750รอบ นี่สิ ที่ทำให้การขับขี่รถคันนี้มันพิเศษ
ด้วยกำลังรถ สามารถพาตัวรถไปถึงย่านความเร็ว 180 ได้สบายๆ
การไล่ความเร็วเป็นไปในสไตล์เรียบลื่นแบบรถรอบสูงที่สามารถลากรอบไปถึง 11,000 รอบได้สบายๆ แต่พูดถึง แรงบิด นั้นแตกต่างกันรถ 4 สูบในพิกัดเดียวกัน คือ “มีให้ใช้ไม่ขาดในทุกย่านรอบเครื่องยนต์” แม้จะไม่ได้มาหนักหมดเร็วแบบ 2 สูบ
แม้แต่เกียร์ 6 กระแทกคันเร่งลงไป มันก็ยังดึงความเร็วได้แบบไม่ต้องลดเกียร์เลย เป็นอะไรที่แปลกใจมากในรถพิกัดนี้ มันให้ฟีลใกล้การกดคันเร่งในรถ 1000cc 4 สูบเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่มี cc แค่ 660cc
ถามถึงอัตราการสิ้นเปลืองผมทำได้แถวๆ 20km/l กับการขี่ด้วยความเร็วแถวๆ 120 – 140กม/ชม เร็วบ้างช้าบ้าง สลับกันไป
โดยรวมๆ ชอบเครื่องยนต์ตัวนี้มาก เวลาที่ใช้เดินทางไกล ยกให้เป็นเครื่องยนต์อันดับหนึ่งเลย ไม่ว่าในเรื่องแรงบิด กำลังสูงสุดที่มากพอที่จะทำความเร็วสูงได้แบบสบายๆ แต่ถ้าหากใช้งานในเมือง ยังแอบชอบเครื่องยนต์ 2 สูบของทางค่ายส้อมเสียงมากกว่านิดนึง
โดยรวมผมให้คะแนนเครื่องยนต์ลูกนี้ 9.5/10 เลย มันคือส่วนผสมอันกลมกล่อมลงตัว
ระบบกันสะเทือนหน้า มาพร้อมโช๊ก USD จาก SHOWA ขนาด 41 มม ช่วงยุบ 150 มม เบรกหน้า Disc คู่ขนาด 310 ปั๊ม Nissin 2 Pot
โช๊คหลัง มีตัวปรับพรีโหลดแบบไฮดรอลิกให้ใช้งานแบบสะดวก ( ชอบมาก ) แต่ก็ปรับได้แค่พรีโหลด
สวิงอาร์มทรงโดยรวมถือว่าหล่อ และเบรกหลังแบบ Disc ขนาด 255มม กับ ปั๊ม Nissin 1 pot ตัวยางที่ให้มาเป็น Michelin Piolot Rot 5 หน้า 120 หลัง 180
โดยรวมการทำงานของช่วงล่าง สิ่งที่ผมชอบจาก ฟีลลิ่งช่วงล่างชุดนี้ คือ ให้ความเกาะถนนสูง จากการทำงานของยาง Road 5 และช่วงล่างหน้าหลังที่ปรับเซ็ทมาพอดีๆ ไม่แข็งเกินไป ให้ความสบายคล้ายๆ รถ Adventure แต่ก็ไม่ย้วยจนเกินไป จนไม่เสีย Character ของ Sport Touring คือ แบบว่า Set up มาได้ลงตัวมากสำหรับ Sport Touring ทางดำ ที่พอจะรูดหลุมบนท้องถนนเมืองไทยที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป ยามสาดโค้ง ฟีลลิ่งที่ได้จากช่วงล่างและเฟรมถือว่า เสถียรและยึดเกาะได้ดีมาก ผมว่าน่าจะเป็นลำดับต้นๆ ของรถ Sport Touring ยกสูงล้อ 17 แล้ว การทำงานของการยุบและคืนตัว ไม่หนักหน่วงและสะท้านสะเทือน ให้ความสบายในการเดินทางขึ้นอีกระดับ
ในเรื่องของเบรกหน้าตาอาจจะธรรมดา แต่แรงจิกเบรกและแรงจับไล่จากเบาไปหาหนักถือว่าทำได้ดีเลย มันสามารถหยุดรถได้ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่อย่าถามหาฟีลลิ่งการเบรกแบบเบรกระดับพรีเมียมนะ ฟีลมันไม่ได้ระดับนั้น แน่นอนระบบเบรกให้ ABS มาด้วย ซึ่งทำงานไม่ขาดตกบกพร่อง ได้ลองใช้ไปทีนึงเพราะสุนัขตัดหน้า 555 โดยรวมๆทั้งหมดคือ อุปกรณ์ที่ดูแสนธรรมดา แต่มันทำงานได้น่าทึ่ง เอาไป 9/10 คะแนน
เรือนไมล์ที่ให้มา ออกแนว Minimal ครึ่งวงกลม บอกตามตรงว่า ไม่ค่อยโดนเท่าไรกับเรือนไมล์ตัวนี้ เพราะแสดงข้อมูลไม่ค่อยครบถ้วนในหน้าจอเดียว ต้องคอยกดเลื่อนจากปุ่มแฮนด์ Riding Mode ปรับได้ 2 Mode คือ Road / Rain และ Traction control ที่ On/Off ได้
สำหรับอุปกรณ์ติดรถของ Tiger Sport 660 ยอมรับว่าก็เป็นส่วนที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร
ให้คะแนนไป 6/10 ละกัน
พูดถึง ท่านั่งก่อน โดยรวมคือดี มี Leg room ค่อนข้างเยอะ ขี่สบาย ระยะแฮนด์ก็สบายสำหรับคนสูง 177ซม ติอยู่อย่างเดียวคือ สโลปเบาะที่ไปกินพื้นที่เบาะคนซ้อนไปเยอะมาก ทำให้พื้นที่ตรงที่เหลือด้านหลังคนขี่ค่อนข้างเปล่าประโยชน์ยกเว้นคนขี่จะสูงมาก หรือนั่งถอยหลังมาเยอะๆหน่อย
จากที่บอกไปข้างต้นในเรื่องของ “เครื่องยนต์” ที่ถือว่าให้สมรรถนะที่สูง ในขณะเดียวกัน flat torque คือจุดเด่น ความรู้สึกจากการได้ขับขี่ยาวๆ คือ กำลังไม่ขาด แต่ก็ไม่เกิน คือ กำลังพอดีๆ มากๆ มันคือ ส่วนผสมที่กลมกล่อม
ในขณะที่ช่วงล่าง และเบรกที่ได้ชมไปก่อนหน้า มาช่วยเติมสิ่งที่กลมกล่อมอยู่แล้ว ให้มันอร่อยเหาะขึ้นไปอีก ทั้งๆที่องค์ประกอบทั้งหมด ถือว่า พื้นๆ ไม่ได้เลิศหรูเลย แต่เมื่อมาผสมกันอยู่ในรถคันนี้แล้ว มันความดีงาม ถ้าให้เปรียบ คงเหมือน “ผัดกระเพรา” ชั้นเลิศ เป็นอาหารที่พื้นๆ แต่ถ้าส่วนผสมทุกอย่างลงตัว มันคือ ที่สุดของอาหารที่กินได้อร่อยเป็นวงกว้างและไม่ใช่แค่อร่อยอย่างเดียว มันยังสบายกระเป๋าและกินได้บ่อยกินได้เรื่อยๆ
ถ้าใครมองหารถ Sport Touring สไตล์ ADV ที่กินได้บ่อย อร่อยทุกครั้ง ปังทุกการออกไปบิด Triumph Tiger Sport 660 มันคือ รถคันนั้น อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
Triumph Tiger Sport 660 เป็นรถ Sport Touring ในทรง ADV เล็กๆ ที่ใช้พื้นฐานสืบทอดมาจาก Triumph Trident เป็นรถที่มีเครื่องยนต์ 3 สูบ 660cc ที่มีสมรรถนะดีงาม แทบจะไม่ขาดตกบกพร่อง จะเล่นรอบก็สนุก ต้องการทอร์คก็ไม่ขาด เมื่อผสมผสานกับเฟรมและเบรกและช่วงล่างที่เซ็ทมาลงตัว บอกได้เต็มปากว่านี่คือรถ Sport Touring ที่ครบและดีพอจะเป็นตัวจบในย่านราคานี้ได้เลย
ข้อดี
+ เครื่องยนต์ 3 สูบสมรรถนะเยี่ยม
+ ช่วงล่าง set up พอดี
+ เบรกดีพอ
+ ขับขี่สบาย
+ ยางติดรถ
+ สมรรถนะโดยรวมอันยอดเยี่ยม
+ ราคา
ข้อสังเกต
– เรือนไมล์
– เบาะคนซ้อน
– รูปลักษณ์อาจจะไม่ขัดใจสำหรับบางคน
BY : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่