ขี่มอเตอร์ไซค์ไปมาเลเซีย สุดแหลมมลายูที่ตันจุงเปีย (ฉบับไม่สมบูรณ์) กว่า 4,500 กิโลเมตร

แชร์บน

ขี่มอเตอร์ไซค์ไปมาเลเซีย สุดแหลมมลายูที่ตันจุงเปีย (ฉบับไม่สมบูรณ์) กว่า 4,500 กิโลเมตร

ขี่มอเตอร์ไซค์จากกรุงเทพ ไปออกที่ด่านนอก ไปปีนัง กัวลาลัมเปอร์ แวะดูmotoGP ที่เซปัง
ไปสุดแผ่นดินแหลมมลายูที่ตันจุงเปีย แวะเที่ยวมะละกา แวะเมืองแคมป้า ปิดท้ายด้วยคาเมรอนไฮแลนด์…

วันสุดท้ายดวงไม่ดี ไฟที่โรงแรมกระชาก ไฟล์ที่ถ่ายในทริปนี้สูญหายแทบทั้งหมดอย่างไม่สามารถกู้คืนได้  เหลือแต่เพียงบางส่วนที่อยู่ในมือถือที่จากเช้าวันที่ออกจากยะโฮบารูห์เท่านั้น
กระทู้นี้จึงเป็น…ฉบับไม่สมบูรณ์ เอวังด้วยประการเช่นนี้

ช่วงของการเดินทางจากกรุงเทพ – หาดใหญ่ มีภาพหลงเหลือเพียงที่อัพในโซเชี่ยลเท่านั้น เอาเป็นว่า วันแรกผมตียาวออกจากกรุงเทพประมาณสิบโมง ถึงหาดใหญ่ประมาณสี่ทุ่ม

วันที่สองของการเดินทาง เนื่องจากคืนก่อนนั้นผมต้องปั่นงานส่ง ยาวมาจนถึงสายๆ ส่งงานแล้วหลับสักงีบถึงตื่นแล้วออกไปที่ด่านนอก ทริปนี้ผมไม่ได้ไปคันเดียวตลอดทาง ตั้งแต่วันที่สอง เพื่อนรักของผม เจ้าทศ KORAT RANGER มาร่วมทางไปด้วย ที่พิเศษคือทริปนี้เจ้าทศเอาตงตงซ้อนไปเที่ยวด้วย และเป็นทริปแรกที่ตงตงได้ออกทริปซ้อนพ่อไปเที่ยวไกลๆอย่างเป็นเรื่องเป็นราว (ทุกที่แรดอยู่แถวบ้าน) เรียกได้ว่าทริปแรกก็โดนจัดหนัก บ้านเจ้าทศอยู่โคราช แต่ไม่เคยไปดูmotogp ที่บุรีรัมย์ พาลูกซ้อนเที่ยวครั้งแรก พาลูกไปดู motogp ที่เซปังซะงั้น!!

กว่าจะออกจากด่านนอกก็ปาไปบ่ายสี่โมง ขี่มาได้สักร้อยโลก็แวะคาวาซานรีฮัทพักกายกันนิดนึง ตอนนั้นก็เริ่มแสงน้อยๆละ

ปลายทางคืนแรกของเราอยู่ที่ ปูลัวปีนัง ทั้งจากความตั้งใจที่จะมาเก็บภาพสวยๆตอนขี่ข้ามสะพานจอร์จทาวน์(แต่มาไม่ทันเพราะมืดซะก่อน) และแวะเยี่ยมเพื่อนซี้สมัยละอ่อนที่เจียงใหม่ที่มาทำมาหากินที่ปีนังเกือบยี่สิบปีแล้ว เอาน่ะ อย่างน้อยก็สำเร็จไปหนึ่ง คืนนี้เราได้ที่นอนกันที่ Tune Hotel แม้ว่าห้องจะแคบไปหน่อยแต่เราเน้นราคาไม่แพงและเป็นโรงแรมที่มีที่จอดมอเตอร์ไซค์เป็นเรื่องเป็นราวเข้าว่า

วันที่สามของการเดินทาง สายๆเราก็ร่อนไปถ่ายกับสตรีทอาร์ทในจอร์จทาวน์ แน่นอนว่า…ถ่ายมาเพียบ แต่ไฟล์หายหมด เหลือแค่ไม่กี่ภาพ เศร้าจริงๆ T_T

กินข้าวเที่ยงเสร็จเราก็รีบเผ่นจากปีนัง มุ่งหน้า KL กันสองคันล้วนๆ เจอฝนอัดไปกว่าครึ่งทาง เจ้าตงตงนี่ถึงกับร้องครวญคราง กว่าจะถึงที่พักที่ KL ก็ประมาณสองทุ่มแล้วแหละ รีบไปหามุมถ่ายกับตึกแฝดกันทั้งๆที่ฝนตกแบบนั้น ภาพที่ได้เลยไม้ค่อยพอใจเท่าไร ต้องมาซ่อมแหละ (รูปตัวเองไม่มี มีแต่รูปเพื่อนที่ถ่ายแล้วส่งให้เพื่อนทางแมสเจ เลยยังเหลือภาพอยู่)

วันที่สี่ของการเดินทาง ทริปนี้บอกเลยว่าตื่นสายมันแทบทุกวัน เก็บของเช็คเอาทฺ์ก็มาซ่อมตรงมุมมหาชนกันก่อน ก็เป็นอีกบรรยากาศที่แตกต่างไปจากตอนกลางคืน…อืม แต่ก็คิดว่าต้องมาซ่อมอีกแหละ

มื้อเที่ยงใน KL รอบนี้ หลงมากินแบบฟลุ๊คๆ ขี่ผ่านแล้วเอ๊ะ!! ดูแล้วเป็นร้านคนท้องถิ่นเขากินกัน มั่วๆไปเข้าไป สรุปเป็นร้านคล้ายๆบุฟเฟต์ อยากกินอะไรตักแล้วไปจ่ายทีเดียวตอนอิ่ม แถมไม่แพงซะด้วย รสชาติโอเคเลยอีกต่างหาก

หลังจากอิ่มแล้ว เราก็ไปเช็คอินกันที่ Tune Hotel KLIA จะบอกว่าที่ปีนังว่าแคบแล้ว เจอที่นี่ต้องอายอะบอกเลย แต่มันก็เป็นที่พักที่อยู่ใกล้สนามเซปังที่สุดแล้ว (ห่างประมาณหกกิโลเมตร) ปีนี้นอกจากพาเพื่อนพาหลานมาดูแล้ว มีอีกภาระกิจคือเป็นแกรปส่วนตัวให้ป้าแว่นที่มาเชียร์ยอดดวงใจของนางอีกด้วย จริงๆมีรูปเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แน่นอน….หายหมดเกลี้ยง T_T

วันแข่งจริง บรรยากาศยังคงสนุกเช่นเคย แต่จากปากเจ้าถิ่นเองก็ยอมรับว่าตั้งแต่มี motogp ที่บ้านเรา ที่เซปังก็ถือว่าหงอยลงไปนิดหน่อย เมื่อก่อนนี่มายังไงก็ต้องเจอคนไทยเป็นกลุ่มๆ มาคราวนี้นี่นับหัวได้เลย นับๆแล้วเจอไม่ถึงห้าคนมั้ง

จบโมโตจีพี อีกวันผมก็ปักหัวลงใต้เพื่อไปตามความฝันว่าสักวันหนึ่งจะไปให้ถึงที่นี่ ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปสุดแผ่นดินแหลมมลายูที่ตันจุงเปีย น่าเสียดายที่เดี๋ยวนี้เอารถไปจอดถ่ายหน้าป้ายไม่ได้แล้ว  …..  อ่อ วันนี้ผมแยกกับเจ้าทศ เนื่องจากเพื่อนมีธุระต้องกลับก่อน

By : OmegaOhm