ขี่มอเตอร์ไซค์ไปนอนรถบ้าน สวนป่าดอยบ่อหลวง

แชร์บน

ขี่มอเตอร์ไซค์ไปนอนรถบ้าน สวนป่าดอยบ่อหลวง

ไปซ่อม….เป็นศัพท์ที่หลายคนคุ้นหูกันดี
เพราะบางที…การเดินทางและเป้าหมายปลายทาง
อาจไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ หรือ…สถานที่ปลายทาง
อาจไม่ได้ตรงกับภาพที่จินตนาการเอาไว้ หลายคนจึงหมายมั่นว่า
จะหาโอกาส…กลับไปซ่อม กลับไปแก้มืออีกครั้ง เพราะสถานที่เดียวกัน
แต่ต่างวัน ต่างเวลาและวาระ ภาพที่ได้อาจไม่เป็นเหมือนเดิม…เสมอไป

การเดินทางครั้งนี้ ผมเลือกเอาทัสคานี 150 ออกเดินทางอีกครั้ง ด้วยช่องเก็บของใต้เบาะที่เหมาะกับการใส่เสื้อผ้า ส่วนกระเป๋ากล้องและโน็ตบุ๊คที่หนักกว่านั้น ผมเอามาวางไว้ตรงเล็กรูมระหว่างขาเพื่อถ่วงสมดุลให้ขับขี่ได้ง่าย

รวมถึงตัดสินใจแบกกระเป๋าใส่อุปกรณ์แคมป์ปิ้งเอาไว้ที่แรคหลัง เผื่อว่าเจอที่ไหนน่ากางเต็นท์ จะได้พร้อมกางได้แบบไม่ต้องมาเสียดายทีหลัง

ปลายทางของวันนี้ ผมเลือกเอาไว้ไม่ไกลมากนัก เพื่อจะได้ไม่ต้องขี่รถตากแดดทั้งวัน ซึ่งช่วงหลังๆ ผมมักจะเลือกช่วงเวลาเริ่มต้นการเดินทางแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ อาจจะไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน…ก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน

เส้นทางเก่า เวลาเดิม เริ่มต้นด้วยถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งตั้งแต่บางบัวทอง ทางคู่ขนานที่เทคอนกรีตเสริมเหล็กเสร็จแล้ว ได้เปิดให้ใช้แล้วอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งยังต้องใช้ความระมัดระวังกับสิ่งกีดขวางอยู่ในบางจุด แต่โดยรวมแล้วก็ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น

แต่ยังไม่ทันจะถึงไหน ผมก็รวบสองมื้อเข้าด้วยกันแบบง่ายๆกับก๋วยเตี๋ยวไก่มะระบุฟเฟต์ข้างทาง ที่สะดวกและอิ่มท้องในราคาไม่แพง

จากนั้น ผมมุ่งขึ้นเหนือด้วยถนนสายเอเซียที่คุ้นชิน ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี เบี่ยงซ้ายออกเลี่ยงเมืองนครสวรรค์

เลยลาดยาวไปได้สักหน่อย ผมแวะเติมคาเฟอีนที่ร้านเดิมในปั้มน้ำมัน นั่งพักให้ความร้อนคลายออกจากร่ากายได้สักครู่ ก็ได้เวลาไปกันต่อ

ออกจากปั้มได้สักพักก็มีเหตุขัดข้องเล็กน้อยที่ทำให้ปลายทางของวันนี้ต้องขมวดเข้ามาใกล้กว่าเดิม ผมผ่านกำแพงเพชร และเบี่ยงเข้าทางลัดวังเจ้าเพื่อผ่อนคลายอารมณ์จากถนนซุปเปอร์ไฮเวย์สี่เลนสู่ถนนลาดยางสองเลนสวนที่คู่ขนานไปกับถนนสายเอเซีย แต่ลัดระยะทางไปได้หลายกิโลเมตรเลยทีเดียว

อุบัติเหตุที่ว่า ก็คือ…ตอนที่ออกจากปั้ม ผมลืมตัวใส่กล่องแว่นสายตาไว้ในกระเป๋าเสื้อ ผลก็คือขี่ออกมาได้สักพัก มีรถยนต์ใจดีมาประกบข้างแล้วบอกว่าน้องทำของตก พอวนกลับไปดู ก็พบว่าเลนส์ของแว่นป่นละเอียดไปแล้ว

ผมขี่รถหาร้านแว่นตาในช่วงหัวค่ำในตัวอำเภอเมืองจังหวัดตาก ซึ่งก็ไม่พบร้านที่เปิดอยู่ (ไม่อยากเข้าร้านแบรนด์ดังในโลตัส อยากอุดหนุนท้องถิ่นบ้าง) ไหนๆแล้วก็เลยหาอะไรกิน ก็ได้ขนมจีนร้านนี้มาเยียวยาจิตใจ ร้าน “ขนมจีนบ้านไม้” ลองไปสองน้ำกับอีกหนึ่งผัด รสชาติดีเลยครับ

จากนั้น จากที่จะไปเถิน ก็เลยต้องเปลี่ยนแผน เพราะลมพัดค่อนข้างแรง และเกรงว่าถ้าไปต่อแล้วเจอฝนจะเดินทางได้ไม่ปลอดภัยนัก และเป็นอีกครั้งที่ผมเลือกมาพักที่โรงแรมเมฆวิไล โรงแรมเล็กๆกลางเก่ากลางใหม่ที่มาพักทีไรก็ได้พักไม่ซ้ำตึก คราวนี้ผมได้ห้องพักในราคาค่อนข้างดี เพียงคืนละ 390 บาท ซึ่งถ้าใช้นามบัตรบริษัทก็จะลดไปอีก 40 บาท แน่นอนว่าผมควักที่อยู่เพื่อออกใบกำกับภาษีอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็ควักโน็ตบุ๊คออกมาจากกระเป๋าเป้ เพื่อจัดการไฟล์ของวันนี้ก่อนที่จะพักผ่อนไปตามเวลาที่ควร

วันที่สองของทริปนี้ ผมตื่นไม่เช้า แต่ก็ไม่สาย แต่เอาเข้าจริงๆ กว่าจะได้ลุกจากที่นอนก็ปาไปสิบโมง เก็บข้าวของยกใส่เจ้าทัสคานีคันเก่งให้รัดกุม และออกไปจัดการเช็คเอาท์ออกจากที่พัก มารอบนี้กลายเป็นว่าได้นอนก่อนจ่ายทีหลัง เป็นอีกโรงแรมที่ผมชอบ บรรยากาศสบายๆ พนักงานบริการดีทุกคน

ออกจากที่พักก็สิบโมงกว่าๆ เลี้ยวออกมาเส้นริมน้ำ แวะรวบสองมื้อที่ก๋วยเตี๋ยวข้างดับเพลิงเจ้าเก่าที่เคยมาชิมตอนทริปสอยมาลัย รสชาติติดหวานประมาณก๋วยเตี๋ยวต้มยำพิจิตร

ผมออกเดินทางบนถนนสายเอเซียอีกครั้ง จากจังหวัดตาก สู่อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง เติมน้ำมันให้เต็มถังอีกทีที่เถิน แวะกดเงินให้พร้อม เพราะที่สวนสนดอยบ่อหลวงไม่รับชำระผ่านการโอนเด้อจ้าเด้อ

ผมแวะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสักหน่อย รักจะให้เขาพาเราไปไหนมาไหน ก็ต้องดูแลกันให้ดี จะได้อยู่กันได้นานๆ

ได้เวลาสนุกกับหนึ่งในถนนที่มีทางโค้งที่ขึ้นชื่ออีกเส้นหนึ่ง คือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 ช่วงจากอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง พาดข้ามภูเขาสูงด้วยเส้นทางเลาะเลี้ยวแบบถี่ยิบ ลงสู่อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ที่ถึงแม้ช่วงทางโค้งดังกล่าวจะมีระยะทางแค่ประมาณยี่สิบกิโลเมตร แต่ก็เป็นช่วงที่เล่นโค้งสนุกสายหนึ่งเลยทีเดียว

เลยจากอำเภอลี้ไปกว่ายี่สิบกิโลเมตร ผมเลี้ยวช้ายไปทางอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทะลุไปอำเภอฮอด ที่ถือได้ว่าเป็นประตูสู่เส้นทางวงกลมแม่ฮ่องสอนจากด้านล่าง ถึงตรงนี้ แนะนำว่าให้ทุกคันเติมน้ำมันให้เต็มถัง เติมพลังกายให้ฟื้นคืนอีกสักหน่อย จุดหมายของเราวันนี้อยู่อีกไม่ใกล้ไม่ไกลแล้วล่ะ

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ที่เริ่มต้นจากอำเภอฮอด พาผมวิ่งเลาะตีนเขาริมน้ำแม่แจ่มไปจนเกือบถึงสามแยกแม่แจ่ม จากนั้นไต่ขึ้นไหล่และสันเขาที่ตัดถนนระเบิดผ่าช่องผาหินสองข้างจนดูแปลกตาในบางช่วง ไต่ไปเรื่อยๆ จนถึงจุดแวะพักสุดท้ายของวันนี้ ที่สวนสนบ่อแก้ว

สวนสนบ่อแก้ว ตั้งอยู่ช่วงกิโลเมตรที่ 36 ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 อยู่ในเขตของอำเภอฮอด ซึ่งบนพื้นที่กว่า  2,072 ไร่ ที่ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่น้อยกว่าหนึ่งพันเมตร ทำให้บริเวณนี้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี โดยกรมอุทยานได้ใช้สอยในการทดลองปลูกพืชพันธ์ต่างๆที่นำมาจากต่างประเทศ เพื่อที่จะหาพืชที่จะนำร่องเป็นพันธ์ไม้ที่จะมาฟื้นฟูพื้นที่ป่าในที่สูงของภาคเหนือ ซึ่งบริเวณริมทาง ณ จุดนี้ เป็นจุดแวะถ่ายภาพยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ที่นิยมมาถ่ายภาพเช็คอินกับแปลงป่าสนสามใบที่ให้บรรยากาศคล้ายอยู่ต่างประเทศ

คืนนี้ผมจองที่พักแบบรถบ้านเอาไว้ในราคา 1800 บาทต่อคืน ไม่รวมอาหารเย็นและมื้อเช้าที่ต้องจ่ายเพิ่มต่างหาก ซึ่งปกติแล้ว ดูจะเป็นราคาที่ไม่ปกติอย่างมากสำหรับผม แต่ก็นานทีปีหนที่จะลงทุนเพื่อมาซ่อม ก็ต้องตั้งใจกว่าปกติอยู่ไม่น้อย

หลังจากเช็คอิน ผมขี่เจ้าทัสคานีมาจอดเทียบกับรถบ้านเพื่อถ่ายภาพและฟุตเทจมาลงในคลิปนี้

ขนของลงได้สักพัก เทพธิดาแห่งการเดินทางได้ลงปาร์ตี้กับเทพีแห่งเมฆหมอก พัดพาละอองเมฆไหลเอื่อยเรื่อยมาปะปนกับทิวสามสามใบที่ล้อมรถกลุ่มรถบ้านของเราเอาไว้ นี่มหาเทวีทั้งสองคงจะเรียกเก็บแต้มบุญจากผมไปหนักหนาเอาการแน่ๆ

เมื่อความโรแมนติกมาโอบกอดรอบเราแบบนี้ ผมอดไม่ได้ที่จะทำทรงเอากิ่งไม้สนรอบๆมาก่อไฟสักหน่อย แต่ด้วยกิ่งไม้ที่เปียกชื้นเกินกำลัง ผมได้รับความช่วยเหลือจากน้องๆรถบ้านในละแวกนั้น ให้ยืมไม้เกี๊ยะมาก่อไฟที่หน้ารถบ้านของผม กองไฟแห่งคอนเทนต์ที่แสนโรแมนติกในเย็นย่ำที่ผมมาคนเดียว แต่รถบ้านคันอื่นเขามีคู่กันหมด มันก็ดูจะตลกร้ายอยู่เล็กน้อยแหละนะ….

ไหนๆผมก็เป็นโซโล่เพลย์เยอร์ จนเลเวล99แล้ว มื้อเย็นวันนี้ก็หนีไม่พ้นที่จะจ่ายไปสามร้อยกว่าบาท เพื่อสั่งเซ็ทอาหารประจำชาติชาวแคมป์อย่างหมูกระทะ ที่มีปริมาณสำหรับสองคน มากินคนเดียว ผลก็คืออิ่มเกินอิ่มไปตามคาด จะได้หลับแบบอิ่มอร่อยไปอย่างไม่ต้องลังเลใจ

เสียงอื้ดๆเบาๆของระบบสั่นสะเทือนที่ผมตั้งปลุกไว้แบบไร้เสียง เพื่อให้รบกวนเพื่อนบ้านรถคันอื่นน้อยที่สุด ปลุกผมให้ลุกมาซ่อมแซมรอยของความผิดหวังในทริปเมื่อปีก่อน

และในที่สุด คล้ายผมได้เดินเล่นอยู่ชายป่า แล้วตกลงไปในรูกระต่าย หลุดข้ามมิติเข้าไปในโลกแฟนตาชี ด้วยรูปทรงของที่พักทรงเอเฟรม และบ้านทิวสน ที่บรรจงออกแบบให้เข้ากับป่าสนสามใบที่แซมด้วยพืชกาฝากที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นและชื้นตลอดทั้งปี ทั้งหมดนี้คืออัตลักษณ์ที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในไทย และหนึ่งในสถานที่เหล่านั้น สวนป่าดอยบ่อหลวง ก็ยังคงรั้งตำแหน่งบนๆเอาไว้อย่างมั่นคงมานานหลายปี แต่ถึงจะมาถูกที่ถูกเวลา ถ้ามาจังหวะที่ดวงกุด นักเดินทางอีกหลายคนก็ต้องกลับมาซ่อม กลับมาแก้มือ และสมหวังในที่สุดเช่นที่ผมประสบในเวลานี้

หลังจากเก็บภาพได้อิ่มเอม ก็เป็นอันว่าปิดทริปซ่อมและแก้มือในครั้งนี้ไปได้อย่างไม่มีอะไรติดค้าง แม้อาจจะขาดแสงแดดอุ่นๆในยามสายไปบ้าง ผมก็เข้าใจได้ว่าชีวิตมันไม่ต้องสมบูรณ์แบบไปเสียทุกครั้งก็ได้ เพียงแค่ได้พอใจเท่าที่พอจะได้รับ ดีกว่าต้องมาทุกข์กับความทะยานอยากที่ไม่สิ้นสุด

ก่อนปิดท้ายเช้านี้ ความอุ่นจากข้าวต้มหมูเห็ดหอมก็มาฮีลใจให้กรุ่นขึ้นอีกไม่น้อย ถึงจะไม่สมบูรณ์แต่ก็ลงตัวพอดี และในที่สุดก็ได้เวลาเก็บของ และจากที่นี่ไปอีกครั้ง เพื่อจะกลับมาใหม่ในวันที่โชคชะตาและโอกาส นำพาความทรงจำแห่งลำนำของป่าสนสามใบแห่งนี้ ไปเรียกผมกลับมาเยือนอีกครั้ง แล้วพบกันใหม่ในคลิปต่อไป สวัสดี

By : OmegaOhm