ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวตรัง 3 วัน 3 คืน!!

แชร์บน

ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวตรัง 3 วัน 3 คืน!!

ว่ากันว่า…คนตรังกินวันละเก้ามื้อ!
และนี่คือการเดินทางเพื่อพิสูจน์คำกล่าวเหล่านั้น
และเพื่อการณ์นั้น ไปกินคนเดียวก็ต้องถือว่า “ขาดทุน”
ภารกิจนี่จึงต้องมีผู้ช่วย “กิน” มาสนับสนุนเป้าหมาย
แถมด้วย “เกาะลิบง” และ “หาดปากเมง”
เดินทางไปด้วยกันครับ ^^

ครั้งนี้ เราเริ่มเดินทางจากจังหวัดสุราษฎธานี เพราะจอดเจ้า Tuscany ทิ้งไว้ที่นี่ เพื่อให้เพื่อนขึ้นแบบแรคหลังให้ การเดินทางคราวนี้จึงมีภารกิจเล็กๆในการทดสอบแรคหลังชิ้นนี้ไปในตัวว่าแบกได้ดีมั้ย รับน้ำหนักได้หรือเปล่า และในภาพคือป้าแว่นกับลูกสาวของนาง

เราออกเดินทางกันประมาณบ่ายโมง ท่ามกลางแดดเปรี้ยงๆด้วยทางหลวงหมายเลข 401 ไปตัดเข้า 41

คนขี่น่ะไหว คนซ้อนอะไหวป่าว สักพักผมก็เลี้ยวแวะซ้ายแบบไม่ต้องรอสะกิด ไม่งั้นเดี๋ยวขิตทริปหน้าจะชวนแล้วไม่มาอีก

เติมพลังแล้ว ก็ไหลๆไปกันต่อครับ ก็มีแวะกินน้ำอีกรอบแถวทุ่งสง จากนั้นก็ลากยาวเลย

ก่อนเช็คอินทื่ตรัง พระพิรุณก็มาพรมน้ำมนต์ให้ก่อนหนึ่งเซ็ท มาครับ กดๆในอาโก เจอที่นี่ ซีเครท การ์เดนท์ วิ่งไปดูห้อง โอเคเลยในราคา 500 บาท จอดหน้าห้องยกเป๋าเข้าได้

มื้อแรกของตรัง เราเจิมที่ “ฉิวดำ” เพราะเห็นรีวิวหมี่ฮกเกี้ยนแล้วต้องมาลองสักครั้ง ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ผิดหวัง แม่ครัวร้านนี้ Lv.99 ทำอะไรก็อร่อย รสชาติและเครื่องแบบถึงๆ แถมราคายังไม่แพงด้วย ยินดีแนะนำเลยว่ามาตรังต้องไม่พลาด “ฉิวดำ”

กินคาว…ก็ต้องกินหวาน บาลานซ์กัน!! ข้างๆฉิวดำมีร้านขนมหวาน จัดไปหนึ่งกรุบ

อันที่จริง ตามแผนคือคืนนั้นจะกินให้ได้สามร้าน พอโดนขนมหวานแทรกเลย + กินฉิวดำเกินโควต้ามาหนึ่งจานเลยแอบจุก แต่ก็ยังร่อนไปถึงหน้าโกปี๊สมบัติ โอ้ววววววพระเจ้ายอดมันจอร์จมาก คนเยอะอย่างกับแจก ดูทรงแล้วคิวน่าจะคอยยาวจนหลับ และฟ้าก็ร้องครืนๆ เลยกะว่าถ้ารอคิวก็คงไม่พ้นฝนแน่นอน เสื้อกันฝนก็ไม่ได้เอาออกมาด้วย ถ้าฝนตกนี่จะทุลักทุเลมา ส่วนตัวไม่เท่าไรอึดอยู่ แต่ถ้าคนซ้อนไม่สบายนี่ทริปพังแน่ เลยแวะถ่ายรูปวงเวียนพยูนแล้วก็เผ่นกลับ พอเข้าที่พักได้สักแปบฝนก็เทลงมาอย่างหนัก และตกยาวหลายชั่วโมง…ดวงยังดีจริงๆ

วันที่สองของทริป เราออกจากที่พักประมาณเก้าโมงเช้า…ถามว่าทำไมออกสาย แหม่ ไปบางที่น่ะต้องออกเช้านะ เพราะเดี๋ยวที่กินดีๆมื้อเช้าของหมด มาตรังนี่ไม่ต้องกลัวหมดอะครับ กินได้ทั้งวันถ้าจะหากิน อิอิ เช้านี้ง่ายๆที่พงษ์โอชา 2 ครับ

อิ่มแล้วก็ต้องไปหาที่ย่อย จะได้กินต่อได้อีก อิอิ มาตรังต้องไปแน่ๆคือ โบสถ์คริสต์ และ สตรีทอาร์ตถ้ำมรกต กับ ต้นยาง

มาต่อกันที่ร้านต่อไปครับ เลตรัง 2 ร้านนี้ก็ห้ามพลาดด้วยประการทั้งพวง จ๊อปูดีสมคำร่ำลือ ติ่มซำถือว่าผ่าน บะกุ๊ดเต๋ออกหวานทานง่าย

มาต่อกันตรงนี้กับสุดทางรถไฟสายอันดามัน “สถานีกันตัง”  อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นอีกสถานีที่อนุรักษ์สถาปัตยกรรมที่เป็นอาคารไม้แบบดั้งเดิมเอาไว้ให้อยู่ในสภาพดีและยังมีการใช้งานอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยมีรถไฟโดยสารและขนส่งสัมภาระเข้าเทียบวันละหนึ่งเที่ยว และสามารถยกรถมอเตอร์ไซค์มาลง หรือ ยกขึ้น จากสถานีนี้ได้ด้วย

จากกันตัง ผมเลือกใช้บริการแพขนานยนต์ เพื่อข้ามแม่น้ำตรังไปยังท่าเรือหาดยาว ค่าบริการสำหรับมอเตอร์ไซค์คันละ 10 บาท

จากท่าเฟอร์รี่ฝั่งท่าส้ม-กันตัง  เราใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4008 และทางหลวงชนบท 5010 ไปยังท่าเรือหาดยาว

ถึงท่าเรือหาดยาว จัดการติดต่อเรือที่จะพาข้ามไปเกาะลิบง ได้ราคาค่าโดยสารคนละ 50 บาท อันนี้ปกติ แต่ค่ายกรถมอเตอร์ไซค์ลงเรือฟังแล้วตกใจมากกกกกกกกก แค่คันละ 100 บาท!!! คุณพระ ถูกที่สุดตั้งแต่เคยยกมอเตอร์ไซค์ลงเรือมาเลยฮะ!!!

หลังจากนั้นป้าแว่นก็ลงไปช็อปกางเกงช้างมาใส่สบายๆ คือตั้งใจไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเยอะ ส่วนหนึ่งจะมาซื้อแถวๆนี้แหละ

บอกกงๆว่าเรื่องขึ้นรถลงเรือนี่ไม่ค่อยกลัวหรอก กลัวแต่ไอ่เชือกที่มัดรถเครื่องนี่แหละ เส้นกระปิ๊ดนึง แต่ก็อืมมมมมนะ คนมัดเขาชำนาญแหละ

เวลาบนเรือผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง . . . แล้วเราก็มาถึงเกาะลิบง อันนี้ได้รู้อย่างหนึ่งว่า (ลืมคิดไปเลย) ถ้าจะเอามอเตอร์ไซค์ข้ามมา แนะนำให้มาตอนน้ำขึ้นนะ จะได้ยกขึ้นยกลงง่ายหน่อย เพราะถ้ามาช่วงน้ำลงก็จะตามภาพครับ  ตามธรรมชาติคือน้ำจะขึ้นและลงวันละสองรอบ ฝากสำหรับคนที่สนใจทริปแบบนี้ วันที่จะมาลงเรือก็อาจจะต้องดูตารางน้ำขึ้นน้ำลงกันนิดนึง  

ดูจากเวปนี้ได้เลยครับ http://tiwrm-ns1.ega.or.th/v3/sealevel

ถึงเกาะลิบงแล้วเราก็ไปด้นสดหาที่พักเอาดาบหน้า ลองแบบไม่จอง เลาะไปเรื่อยๆ ถ้าไปตามทางหลักบนเกาะ ทางก็จะประมาณนี้ (ภาพสุดท้ายคือสะพานหลีกภัย) แต่ถ้าไปที่พักบางหาดก็จะมีทางลูกรังบ้างเหมือนกัน

วิ่งดูที่พักเอง เน้นที่บ้านหาดทรายแก้วได้สักแปบ…ยอมแพ้ ที่พักมีให้เลือกเยอะประมาณหนึ่ง (เทียบกับขนาดเกาะ) สุดท้ายเราเลือกถามข้อมูลจากคนพื้นที่ ก็ได้คำตอบว่าลองไปถาม “จ๊ะไหน” ดูสิ…..

จ๊ะไหน อยู่ที่ร้านอาหารของจ๊ะไหนนั่นแหละ เราเข้าไปถาม จ๊ะก็ถามว่าอยากได้ประมาณไหน แล้วก็ส่งลูกน้องออกมาบอกว่าขี่ตามคนนี้ไปเลย สรุปก็ได้ที่แรกที่เราเล็งไว้ (ซึ่งไม่ได้เข้าไปถามราคาเพราะนึกว่า….) พอดูห้องแล้วค่อนข้างพอใจ ลูกน้องก็บอกว่าเรื่องราคาคุยกับจ๊ะเลยครับพี่ โทรคุยกับจ๊ะ…โอ้ยยยย จ๊ะลดให้อีก เหลือคืนละเก้าร้อย ตอบตกลงอย่างไวเลยครับ

บรรยากาศและสภาพแวดล้อมของที่พักของเราที่บ้านหาดทรายแก้วบนเกาะลิบงก็จะประมาณนี้ฮะ (แสงน้อยไปหน่อยเพราะพระอาทิตย์เกือบจะตกไปแล้ว)

เข้าห้องได้แปบนึง อาบน้ำแต่งตัวออกมานั่งร้านจ๊ะไหน คนเต็มร้านเลยฮะ แต่รอสักพักก็ได้โต๊ะว่าง และน่าจะเป็นโต๊ะที่ดีที่สุดสำหรับสองคนเสียด้วย เราเลยสั่งอาหารรัวๆ รสชาติไม่ผิดหวัง รวมไปถึงราคาและบริการ บอกเลยว่ามาเกาะลิบงคราวหน้าก็จะมาฝากพุงไว้กับจ๊ะอีกจ้า

อิ่มเสร็จ…กลับมาที่พัก น้ำเริ่มขึ้นพอดี เลยออกมานั่งรับลมชมวิวที่ระเบียง…อืม ในราคา 900 บาท นี่มันผลของสกิล Lucky Traveler ชัดๆ วิวหลักล้านมากๆ

ตื่นเช้ามาเจอวิวที่เรียกได้ว่าตะลึงกว่า เพราะพระอาทิตย์ขึ้นหน้าบ้านเลยจ้า โอ้วววววพระแม่ทรุคา มหากาลีช่างเมตตาลูกนัก!!!

แม้การมาเกาะลิบงครั้งแรกของเรา มองในมุมที่คนทั่วๆไปมองเกี่ยวกับทะเล นับว่าเราดวงกุดที่ช่วงที่เราออกมาเก็บภาพได้ล้วนเป็นช่วงน้ำลงทั้งสิ้น (กลางคืนน้ำขึ้นแต่ก็ฝนตกหนักทั้งคืน) แต่ในอีกมุม…เราได้เห็นภาพทะเลในอีกมุมหนึ่ง เป็นมุมที่มีสภาพแวดล้อมที่เป็นต้นกำเนิดของชีวิตในวงจรของทะเลเลน มันดูสวยงามและมีมิติของภาพในอีกรูปแบบหนึ่ง…แล้วแต่จะมองอย่างเข้าใจหรือไม่เข้าใจ

แต่ก็น่าเสียดายที่ช่วงน้ำลง เราเลยไม่มีโอกาสพบกับพยูนที่เป็นอีกไฮไลท์สำคัญของที่นี่…ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน เราต้องกลับมาอีกอย่างแน่นอน

อีกเหตุผลที่เราเลือกพักในที่พักที่มีสภาพแวดล้อมแบบโฮมสเตย์ที่อยู่ในชุมชน คือภาพวิถีชีวิตที่พึ่งพาอาศัยกันระหว่างคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว บรรยากาศบริเวณหัวสะพานหลีกภัยในช่วงเช้าค่อนข้างคึกคักและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เช่นที่เห็นและเป็นอยู่

หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มทำปฏิกิริยากับแรงโน้มถ่วง ปะเหมาะพอดีกับสายฝนที่โปรยลงมาเมื่อเรากลับเข้าที่พัก และตกต่อเนื่องยาวๆในช่วงสายพร้อมกับน้ำทะเลที่เริ่มเพิ่มระดับสูงขึ้น กว่าฝนจะหยุด ก็ใกล้เที่ยง ได้เวลาเช็คเอาท์พอดี

เราตรงไปที่ท่าเรือพร้อมกับบรรยกาศครึ้มฟ้าครื้มฝน…แน่นอน เมื่อเรือออกจากเกาะไปได้สักพัก พี่ฝนก็มาดักมีตติ้งเราที่กลางทะเล แต่ดูคนบนเรือไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เราก็เลยชิลๆตามน้ำไป ก็สนุกดีไปอีกแบบแหละนะ

กลับมาถึงท่าเรือหาดยาวโดยสวัสดิรูป!! ยกมอเตอร์ไซค์กลับขึ้นฝั่งท่ามกลางสายฝน และดูแล้วก็คงไม่หยุดง่ายๆ เราตัดสินใจขี่ลุยฝนออกมาเพื่อไปหาที่พักที่หาดปากเมงกันต่อ แต่ก่อนนั้นก็ต้องแวะเติมสักหน่อยหนึ่ง ร้านตามสั่งข้างทางที่หลายๆคนน่าจะขับผ่าน แต่ผมเอะใจจากสกิล Goodtaste Traveler ว่าร้านนี้ต้องมีอะไรดี เสียดายลืมถ่ายรูปร้านมา…แฮร่!!!

เลาะมาถึงหาดปากเมง เราเจอที่พักน่าสนใจจากการส่องในแอป เช่นเคย เราเชื่อว่าถ้าไปชนหน้างานราคาจะถูกกว่าในแอป และเราได้กระท่อมหลังนี้ในราคาวันละ 980 บาท พร้อมอาหารเช้า แถมบริการดีสุดๆ  โลเคชั่นแค่เดินข้ามถนนก็ชนหาดเลยจ้า โชคดีอีกแล้ววว ลัคกี้ๆๆ ^^

ยามเย็น…เราพากันเดินเล่น ^^ ให้ภาพมันเล่าเรื่องบ้างก็แล้วกันเนอะ

ปิดท้ายทริปนี้ด้วยร้านกาแฟเก๋ๆใกล้ๆสนามบินตรัง ที่ต้องไม่พลาดมาเช็คอิน ร้านสวย ถ่ายรูปเพลิน เจ้าของใจดี สิ่งกินอร่อย !!!

อ๊ะ สุดท้ายจริงๆละ ขาดไม่ได้เลยสำหรับการไปตรังทุกครั้ง พี่รักษ์ พี่ชายใจดีจากห้องกล้องที่เลี้ยงข้าวน้องเสมอ ^^ แน่นอนว่าจะไปให้เลี้ยงอีก อิอิ
ทริปนี้ขอตัวลาไปก่อน ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชม แล้วพบกันอีกในทริปต่อไปครับ

By : OmegaOhm