Road Trip แม่ฮ่องสอน ตามรอย จอง คัลแลน

แชร์บน

Road Trip แม่ฮ่องสอน ตามรอย จอง คัลแลน

จากปกติ ที่เพื่อนๆคงคุ้นกับการที่ผมเป็นฝ่ายเปิดแมปให้คนอื่นตามรอย
วันนี้ขอลองทำอะไรออกจากกรอบเดิมๆ  มาเป็นฝ่ายตามรอยกันดูบ้างสิว่าจะเป็นอย่างไร
ไหนๆจะตามรอยทั้งที ก็ขอหลุดออกจากกรอบเก่าๆ ไปตามรอยยูทูปเบอร์ยอดฮิตอย่างพี่จองกับน้องคัลแลนกันดูบ้าง
กับเส้นทางจากกรุงเทพ ไปเชียงใหม่ ห้วยน้ำดัง บ้านจ่าโบ่ ถ้ำน้ำลอด บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน แม่สอด วนกลับมาจบที่กรุงเทพ
 
กระทู้นี้อาจจะยาวและแปลกตาไปสักหน่อย ถ้าพร้อมแล้วก็กระโดดซ้อนท้ายตามไปเที่ยวด้วยกันเลยจ้า

ก่อนอื่น ต้องขอแนะนำตัว สมาชิกใหม่ล่าสุดของบ้าน moto moment กันก่อน

กับ Zontes 350 E สีเทาลำนี้ ชื่อเล่น “น้อง ขิง ขิง”

เป็นอาหมวยลำใหม่ที่นำเข้ามาช่วยงานพี่โซฟาที่ผ่อนหมดไปแล้ว ซึ่งขิงขิงจะเข้ามารับหน้าที่พาแอดป้าแว่นซ้อนเที่ยวในระยะไกลๆ แทนพี่โซฟาซิ่ง ที่ประจำการมาตั้งแต่ปี 60 เรียกได้ว่าเกือบๆเจ็ดปีแล้ว แต่ยังไม่ได้ขายนะ แค่ใช้น้อยลงและคงไม่ได้วิ่งไกลๆเหมือนแต่ก่อนด้วยไซส์ที่ใหญ่โต เบาะนั่งที่บิ๊กบึ้ม คนซ้อนลองแล้วก็ชอบใจ โอเค ว่าแล้วก็เป็นหนี้กันไปอีกคันละกัน….สบายใจ

จริงๆยี่ห้อใหม่เอี่ยมอ่อง.. แทบเป็นอาหมวยแท้ๆแบบนี้ หลายคนคงแปลกใจว่าทำไมกล้าลองเสี่ยงเป็นล็อตแรกๆ ,,,แต่หลายคนก็ไม่แปลกใจ เพราะรู้ว่าบ้านนี้เน้นรถอินดี้ทุกคันอยู่แล้ว และทุกคันก็ล็อตแรกๆ (บางคันก็คันแรกของไทย)

วันแรกของการเดินทาง นัดป้ายยาตาหน่อยที่แถวๆบางปะอิน ดูหน้าคนได้ลองรถใหม่นั่นสิ …. ลองแล้วเป็นยังไง ให้ภาพมันเล่าเรื่องก็แล้วกันนะ….

ไหนๆก็ขี่ขึ้นเชียงใหม่ ที่เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางออกทริประยะไกลยอดฮิตทั้งมือใหม่ มือกลาง มือเก่า ก็เลยทำอัตราสิ้นเปลืองของเจ้า Zontes 350E ไปด้วยเลย ถังแรกจากบ้านที่บางใหญ่ มาบางปะอิน ให้ตาหน่อยเทสวนๆแถวนั้นเสร็จก็แยกย้าย ก็มาได้ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรแรกที่ปั้มคาลเท็กซ์ กม.44 จุดแรกนี้ได้อัตราสิ้นเปลืองที่ประมาณ 31 กิโลเมตรต่อลิตร ที่ความเร็วยืนพื้นแถวๆ 120 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง

ขี่ตากแดดจ้าบ้าง แดดดำบ้าง มาเรื่อยจนถึงคลองขลุงกำแพงเพชร ในที่สุดความชุ่มฉ่ำก็กระหน่ำลงมา เหลือบไปเห็นร้านเย็นตาโฟพอดี ไหนๆก็ต้องหลบฝนแล้วก็กินไปด้วยเลย จอดหลบอยู่ตรงนี้นานเป็นชั่วโมงอยู่นะ ส่วนเย็นตาโฟก็แจ๋วเลย ถ้าผ่านมาทางนี้แล้วหิวพอดีก็แวะซ้ำได้อีก

จากปั้มคาลเท็กซ์ กม.44 มาเติมอีกทีก็นี่เลย ปั้ม PT ก่อนถึงจังหวัดตาก กับระยะทางเท่านี้ ที่ความเร็วยืนพื้น 120 คือเก่า ใช้น้ำมันแก๊ส 95 ไปตามนั้น

ลากจากตาก ผ่านเถิน ผ่านลำปาง ข้ามขุนตาน ผ่านลำพูน มาเติมอีกทีที่ปั้มบางจาก ถนนเจริญเมือง (แถวๆสถานีรถไฟ)

สิริรวมแล้ว ด้วยระยะทาง(จากกูเกิลแมป) มาถึงเชียงใหม่ ประมาณ 680 กิโลเมตร ใช้น้ำมันแก๊ส 95 ไปประมาณ24.7 ลิตร ที่ความเร็วยืนพื้นประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

มาถึงเชียงใหม่ จะดึกแค่ไหนก็ต้องมาเช็คอินตรงนี้อีกหน่อย

วันที่สองของการเดินทาง

วันนี้เรียกว่าเป็นวันพักผ่อนก็ไม่ผิด มาถึงบ้านหลังที่สองอย่างเชียงใหม่ สำหรับผมแทบไม่ใช่การมาเที่ยวแล้วล่ะ หลังจากตัดสินใจพักที่นี่อีกคืนก่อนจะไปต่อ แล้วระยะทางรวมของเจ้าขิงขิง ก็เลยระยะทางเช็คพันกิโลเมตรมาประมาณ 300 กว่า ว่าแล้วก็แวะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเช็คระยะ 1,000 กิโลเมตร ที่ตัวแทนจำหน่ายในเชียงใหม่ไปด้วยเลย ที่นี่ก็ใช้ศูนย์บริการร่วมกับ Lambretta แสงชัยธุรกิจยนต์ (ทางไปหางดง) นั่นแหละจ้า  … เรทค่าอะไหล่ตามระยะทางก็จะประมาณนี้จ้า

ไหนๆก็ฟรีเดย์….ชวนพี่แม็คไปถ่ายสาวกันหน่อย กับ น้องเพลง แม่ค้าน้ำลำไย หน้า สภอ.เชียงใหม่ เจ้าาาาาาาาาาาาาา

เซ็ทนี้บอกเลยว่าด่วนมาก เพราะจู่ๆก็ชวนพี่แม็กไปถ่าย(เพราะว่าง) เลยนัดน้องทั้งๆที่น้องไม่ได้เตรียมชุดสวยๆมา เรียกได้ว่าขายน้ำลำไยชุดไหนก็ถ่ายมันชุดนั้นน่ะแหละ เสื้อผ้า หน้า ผม ก็อาจขาดๆเกินๆอย่างที่เห็นเจ้า โลเคชั่น….ก็ซอยข้างวัดข้างก๋องเมืองฮั่นน๊ะ!!

เอ๊ะ!! เดี๋ยวๆ จองคัลแลนไม่ได้มาแวะกินน้ำลำไยนี่เนอะ…เอาน่า ถือซะว่าเป็นแฟนเซอร์วิสให้หนุ่มๆนิดนึงเนอะ ^^

นอกเรื่องไปนิด กลับเข้าคอนเซปท์หลักของการตามรอยน้องกันต่อ เริ่มกันที่ใครจะไปแม่ฮ่องสอน ผ่านทางปาย ส่วนใหญ่ก็น่าจะผ่านตรงนี้กันครับ แยกแม่มาลัยใหม่ (เดี๋ยวนี้เค้าเรียกแยกเครื่องบินไปซะแล้ว) พอดีมีเพื่อนๆพี่ๆที่เชียงใหม่จะไปขี่รถเล่นแถวปายด้วยพอดีก็เลยแปะๆกันไป

จุดแรกที่แวะจริงจังเลย คือตรงนี้ครับ หมวดการทางแม่แต่ง ตรงนี้น้องเข้าใจผิดว่าเป็นอุทยานแห่งชาติ เอาจริงๆแล้วก็คล้ายๆมั้ง เพราะเป็นจุดแวะพักที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่มากมาย ที่นี่มีทั้งตู้คีออสขายน้ำขายขนม ทั้งห้องน้ำและลานกางเต็นท์ให้บริการ ทั้งหมดมีการดูแลอย่างดี สะอาดและปลอดภัยดีครับ

จุดที่สองที่เราตามรอยน้องจองกับคัลแลน คือ ร้านกาแฟ แม่มด the Witch House จุดนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ไบค์เกอร์และนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาจะแวะกันเยอะอยู่แล้ว ทั้งการตบแต่งร้านที่เป็นเอกลักษณ์ และทำเลที่จุดในจุดที่ก่อนจะถึงโค้งปายงามอีกแค่ไม่กี่กิโล ซึ่งจากร้านกาแฟไปนี่คือรู้กันว่าได้เล่นโค้งแจ่มๆกันแบบยับๆ ก็เลยมักจะจอดแช่กันตรงนี้ก่อนไปเล่นโค้งกันต่อ และที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ไบคเกอร์มักจะเอาสติกเกอร์คตัวเองมาแปะโชว์กันด้วยครับ

จุดที่สามที่แวะตามรอยน้อง อันนี้บอกตรงๆเลยว่าถ้าไม่มาในคอนเซปท์นี้ ที่นี่เป็นที่ๆผมไม่ได้เข้ามาน่าจะเป็นสิบปีแล้ว กับ จุดชมวิวดอยกิ่วลม อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จุดนี้ถ้าจำกันได้ น้องมาแวะเที่ยว มาแวะกินมาม่าคัพที่นี่ ผมก็กะจะแวะซดสักถ้วยเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่เจอเจ้าหน้าที่ๆสำนักงาน และก็เป็นที่นี่อีกเช่นกันนี่พี่จองเกือบจะเอาบิ๊กสกูตเตอร์ที่เช่ามาล้มแปะตรงนี้ เรียกได้ว่าชอตนั้นคือเกือบหลับแต่กลับมาได้ ข้อแขนนี่ต้องแข็งแรงจริงๆนะ

ลงจากห้วยน้ำดัง มาแวะกินมื้อเที่ยงกันแถวๆดอยหยุนไหล มาถึงแถวนี้ก็ต้องขาหมูหมั่นโถวแน่นอน

จุดที่สี่ของการตามรอย ถ้าดูในคลิปน้อง เราจะเห็นว่าน้องมาถึงตรงนี้ก็น่าจะมีสองทุ่มแล้วล่ะ ซึ่งร้านกาแฟตรงจุดแวะพักชมวิวดอยกิ่วลมตรงนี้ก็ปิดแล้วตอนที่น้องมา แต่ตอนที่เรามานี่ฝนตก+ร้านเปิดพอดี ก็เลยได้แวะจุ่มกันตรงนี้พักใหญ่เลย จุดนี้เป็นร้านกาแฟสวัสดิการของเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าลุ่มแม่น้ำปาย กาแฟรสชาดดี บรรยากาศยอด บริการเยี่ยม และยังได้อุดหนุนร้านสวัสดิการแบบนี้ ผ่านมาก็อยากให้แวะกันครับ

ลืมบอกไปว่าที่นั่งที่นี่มีทั้งปลั้กให้ชาร์จไฟ แถมสัญญานมือถือบอกเลยว่าฟูลสเกล (เซลล์ไซต์อยู่ใกล้ๆ)

จุดต่อไป คือที่พักของคืนนี้ ซึ่งเราก็ตามรอยน้องมาเช่นกัน แต่ไม่ได้จองไว้น่ะสิ ห้องที่น้องพักทั้งสองห้องถูกจองไว้ก่อนแล้ว แต่ยังมีบ้านหลังน้อยว่างอยู่ ในราคาคืนละ 500 / คน พร้อมอาหารเย็น จัดไปสิฮะ  ที่บ้านจ่าโบ่ ชาวบ้านในพื้นที่จะเป็นชาวลีซู(มูเซอ)นะครับ

หลังจากนั้นก็ขอไปชมพระอาทิตย์ตกกันหน่อย แน่นอนว่ามาถึงแถวบ้านจ่าโบ่ ขี่เลยไปอีกหน่อยก็จะเป็นจุดชมวิวกิกอคอ หนึ่งในจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยมากๆแห่งหนึ่ง

กลับมาที่พักคืนนี้ กับกระต็อบหลังน้อย ในบรรยากาศโฮมสเตย์ที่ยังคงความเป็นโฮมสเตย์อยู่เยอะ ทั้งหน้าตาที่พักแบบกระต็อบ  หลังคาลอนคู่ ผนังแบบไม้ไผ่ขัด เตียงไม้ พัดลม มุ้ง ห้องน้ำในตัว แต่มีเครื่องทำน้ำอุ่นและส้วมแบบนั่งให้ อากาศบนนี้ไม่ต้องมีแอร์แต่อย่างใด และใดๆนี้ยังรวมอาหารมื้อเย็นแบบอิ่มหนำ กับข้าวสามอย่าง ไข่เจียว ผัดกระหล่ำใส่ไข่ ต้มฟัก อาหารพื้นๆแต่กินแล้วมันอิ่มเอมกว่าอาหารบนเหลาในบางเวลา นั่งกินข้าวท่ามกลางบรรยากาศแบบฝนตกพรำๆทั้งคืน ขนาดเปิดพัดลมให้เป่าขึ้นด้านบนพอแค่ให้อากาศหมุนเวียน คืนนั้นผมยังนอนเย็นสบายจนเกือบหนาว  … เชื่อว่าผมจะมาซ้ำที่นี่อีกแน่นอนครับ

ตื่นเช้ามากับบรรยากาศแบบสดชื่น การได้มานอนที่บ้านจ่าโบ่ นอกจากมาตามรอยน้องจองกับคัลแลนแล้ว สิ่งที่สมใจผมอีกอย่างคือการได้มาชมหมอกยามเช้าที่นี่ ถึงจะน่าเสียดายจากการที่ฝนตกตั้งแต่เย็นเมื่อวานและตกพรำๆยาวไปทั้งคืนจะทำให้โอกาสที่จะได้หมอกเยอะๆลดน้อยลง แต่เท่าที่ได้ก็ถือว่าเป็นกำไรอีกอย่างของทริปนี้แล้วครับ

บ้านจ่าโบ่ ที่หลายคนอาจมองแค่เป็นทางผ่าน หรือที่แวะมากินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา แต่โฮมสเตย์ที่นี่ ผมยังยกให้ว่าน่ามาพักมาก และผมต้องมาอีกอย่างแน่นอน

มาครับ ตามมาดมหมอนน้องกัน ห้องที่น้องพักจะอยู่อีกส่วนที่เป็นบ้านหลังใหญ่มีหลายห้อง ของน้องจะอยู่ห้องชั้นสองตามภาพเลย ใครจะตามรอยมา แนะนำให้จองก่อนเน้อ

จากบ้านจ่าโบ่ เราย้อนกลับมาปางมะผ้า เพื่อมาเติมน้ำมันที่ปั้ม PT ปางมะผ้ากันก่อน จากนั้นก็ย้อนกลับไปทางปายอีกหน่อยก็จะเจอทางเข้าถ้ำน้ำลอดอยู่ทางซ้ายมือ ถ้าใครเคยมาทำใบผ่านขึ้นดอยไตแลง ก็ซอยเดียวกันนี่แหละครับ ตามป้ายเข้าไปเรื่อยๆจนถึงหมู่บ้าน ตามป้ายต่อไปก็จะถึงปลายทางถ้ำน้ำลอด

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติถ้ำน้ำลอด วนอุทยานถ้ำน้ำลอด ค่าเข้ารวมค่าไกด์แล้ว สำหรับผมที่มาคนเดียวก็คือจ่ายเต็ม 220 บาทครับ ถ้ามาหลายคนหารค่าไกด์แล้วก็จะประหยัดลงไปอีก ไกด์ที่นี่เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านปากทางเข้าถ้ำนี่แหละ ชาวบ้านที่นี่จะเป็นชาวไทใหญ่ สำเนียงเวลาพูดไทยกลางก็จะเหน่อๆหน่อยนึง ไกด์ท้องถิ่นที่นี่มีกว่า 180 คน ซึ่งก็จะรันคิวมาบริการนักท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าใครจะระบุตัวไกด์ว่าขอเป็นคนเดียวกับน้อง เรื่องนี้ผมว่าน่าจะลำบาก ผมตั้งใจปล่อยให้คิวรันไปตามปกติเพื่อที่จะกระจายรายได้ให้ทั่วถึงน่าจะดีกับท้องถิ่นมากกว่าครับ … ไกด์ของผมวันนี้ พี่เกวลิน หญิงสาวรุ่นใหญ่แข็งแรงน่าดูเลยแหละ

ถ้ำน้ำลอด ถือเป็นถ้ำน้ำขนาดใหญ่อีกแห่ง โดยมีน้ำลางไหลผ่านลอดถ้ำจากด้านหนึ่งไปออกอีกด้านหนึ่งของภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตัวถ้ำมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ประกอบไปด้วยถ้ำเสาหินหลวง ถ้ำตุ๊กตา่ และ ถ้ำผีแมน ซึ่งภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่สวยงามแปลกตามมากมาย ซึ่งเกิดจากการที่น้ำไหลเลาะมาตามร่องของหินปูนจึงชะเอาตะกอนหินปูนไหลย้อยและงอกขึ้นมาตามส่วนต่างๆของถ้ำ และยังเป็นแหล่งโบราณคดีที่ปรากฎภาพเขียนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่ใช้ทั้งสีดำและสีแดงเขียน เศษภาชนะดินเผา เครื่องมือหิน รวมไปถึงกระดูกของมนุษย์ และ โลงผีแมน ซึ่งเป็นโลงไม้ขุดตรงกลางออกเป็นร่องคล้ายกับเรือหรือรางไม้ใส่อาหาร

น่าเสียดายที่วันที่เราไปนั้น ไม่ได้เปิดให้ชมถ้ำตุ๊กตาและถ้ำผีแมน และได้ล่องแพแบบที่น้องได้เข้าชม ดังนั้น ไว้มีโอกาส จะต้องมาแก้มืออีกครั้งแน่นอน

ลึกเข้าไปจากปากถ้ำประมาณสักสองร้อยเมตร จะไม่มีแสงสว่างใดๆส่องมาถึง ดังนั้น การเยี่ยมชมถ้ำจึงต้องอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงเจ้าพายุของไกด์ที่พาเดินชมเท่านั้นครับ ภายในถ้ำที่เข้าชมวันนั้น ไฮไลท์จะอยู่ที่เสาหินงอกขนาดใหญ่กลางถ้ำที่สูงกว่า 21 เมตร นอกจากนั้นในถ้ำยังมีหินงอกหินย้อยเป็นรูปทรงต่างๆตามจินตนาการอีกมากมาย โดยรวมแล้วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงจ้า

อีกเซ็ทหนึงของถ้ำน้ำลอดที่ใช้มือถือถ่าย (ภาพในความคิดเห็น ที่ 27 นี่แคปเอาจากโกโปรครับ)

ออกจากบ้านจ่าโบ่ ยอมรับเลยว่าง่วงมาก จนต้องมานั่งจิบกาแฟที่กาแฟช้าง ปากทางเข้า บ้านรักไทย พอให้ได้หายง่วงสักหน่อย พอได้ที่แล้วก็เข้าไปที่บ้านรักไทย ไปตามรอยน้องกันต่อครับ

ลุยฝนเบาๆเข้ามาถึงที่นี่ หลายคนดูในคลิปอาจจะไม่ทราบว่าน้องพักที่ไหน ที่นี่ชื่อ รักไทยโฮมสเตย์ ปกติเต็นท์โดมอวกาศแบบนี้จะคืนละ 1,200 แต่หน้าโลว์แบบนี้ก็ 1,000 ผมลองต่อดู ต่อมาต่อไป ได้มาในราคาคืนละ 800 เจ้าของค่อนข้างใจดี ที่พักสะอาดดีใช้ได้เลย หน้าฝนแบบนี้เปิดห้องเข้าไปยังไม่มีกลิ่นอับเลยครับ วิวที่ได้ก็อย่างที่เห็นเลยจ้า

พอเข้าห้องได้ ฝนก็ตกลงมายาวๆ กว่าฝนจะบางลงก็ประมาณทุ่มกว่า รีบลงไปหาอะไรกินสักหน่อย แต่จริงๆเล็งไว่แล้วตั้งแต่ก่อนเข้ามา เป็นร้านที่อยู่ข้างถนนด้านล่างที่พักเลย มื้อนี้ตั้งใจเลือกร้านบ้านๆ เพราะตั้งใจอยากจะอุดหนุนชาวบ้านในท้องถิ่นจริงๆบ้าง ร้านนี้บอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ก๋วยเตี๋ยวหม่าล่าคือแซ่บแสบปากมาก ส่วนก๋วยเตี๋ยวผัดก็มาคล้ายๆผัดไท กินง่ายและช่วยดับความเผ็ดของหม่าล่าได้ดี รวมทั้งสองจานบอกเลยว่าราคาปกติมากๆ มื้อนี้เอาไปเลย 12/10

ออกไปดูเขาล่องเรือตอนกลางคืนมาหน่อยนึงฮะ

กว่าฝนจะบางลงก็เกือบเก้าโมง … แต่ก็ยังตกอยู่ดี ก็เลยต้องแบกร่างลงมาหาอะไรกินสักหน่อย สรุปก็ได้ร้านเดิมนี่แหละ อิ่ม อร่อย ไม่แพง สภาพครัวคือใช้ฟืนล้วนๆแบบชาวบ้านทำจริงๆ ผมสั่งอะไรง่ายๆ แล้วก็นั่งคุยกับคู่รักที่ขี่โซฟาซิ่งมา ไอ่เราก็มีคันนึงก็เลยชวนโม้กันไป สุดท้ายลงเอยด้วยการที่ผมเอาคีย์เลสยื่นให้แล้วพูดว่ายูแคนไทร์ดิสไบค์ เท่านั้นแหละ ยิ้มแป้นคว้ารถหายไปห้านาที กลับมาด้วยรอยยิ้มแบบสาสมใจกันไป

กลับห้องขึ้นไปเก็บของ ปิดทริปนี้ด้วยอารมณ์แบบฝากไว้ก่อน เพราะจริงๆแล้วตามรอยที่น้องมาเที่ยว ผมตั้งใจว่าจะเช่าชุดฮ่องเต้ไปลงเรือสักหน่อย แต่ฝนโปรยแบบนี้น่าจะเอาชุดเขาไปเปียกเปล่าๆ ฝากเอาไว้แก้มือรอบหน้าก็แล้วกันนะ

การตามรอย ทริป แม่ฮ่องสอน ของจอง คัลแลน ในกระทู้นี้ก็ต้องขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ กระทู้ต่อไปจะเป็นขากลับจากบ้านรักไทย ไปแม่ฮ่องสอน ลงไปแม่ลาหลวง แม่สะเรียง ท่าสองยาง นอนที่แม่สอด แล้วอัดน้ำมันเต็มถังลองขี่ยาวๆดูว่าจะไปเครื่องดับเพราะน้ำมันหมดที่ระยะเท่าไหร่

โปรดติดตามตอนต่อไป … ขอบคุณทุกคนมากครับ